ยุคเงินเฟ้อ คนไทยควรทำอะไรดี

ปัญหาที่น่าห่วงสุดๆในตอนนี้คือบรรดาค่าครองชีพที่พุ่งสูงอย่างมาก หรือเรียกว่าเป็น ยุคเงินเฟ้อ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก กระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการลงทุนต่างๆ ปัจจัยที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อมีหลายอย่างเริ่มตั้งแต่ราคาพลังงาน อาหารสด และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อันเป็นผลกระทบมาจากปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะผลพวงเรื่องของสงครามที่เกิดขึ้น

www.ThaiSMEsCenter.com คิดว่าปัญหาเงินเฟ้อทำให้คนไทยวิตกกังวลมากและไม่รู้ว่าต่อจากนี้เราควรทำอะไรแบบไหน เพื่อให้อยู่รอดลองมาดูว่าใน ยุคเงินเฟ้อ แบบนี้คนไทยเราควรทำอะไรบ้าง

เงินเฟ้อคืออะไร? เป็นปัญหาใหญ่แค่ไหน?

ยุคเงินเฟ้อ

ภาพจาก https://pixabay.com/

เงินเฟ้อ (Inflation) หมายถึง ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ส่งผลโดยตรงต่อประชาชนจำนวนมาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาประเมินเฉลี่ยทั้งปี 2565 จะเร่งตัวขึ้นถึง 4.9% สูงที่สุดในรอบ 14 ปี

จึงเป็นปัญหาต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่รายได้ยังเท่าเดิม เช่น พนักงานออฟฟิศเคยกินข้าวกลางวันเฉลี่ยมื้อละ 35 บาท แต่พอเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนของวัตถุดิบเช่น หมู ไก่ ข้าว น้ำมัน หรือการขนส่งปรับตัวสูงขึ้นจึงทำให้ข้าวกลางวันปรับสูงขึ้นเฉลี่ยมื้อละ 50 – 60 บาทเป็นต้น ในขณะที่รายได้ของพนักงานออฟฟิศยังเท่าเดิม จึงส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของกินของใช้ได้น้อยลง เป็นต้น

นอกจากนี้ข้อมูลยังระบุว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของครัวเรือนไทยในกลุ่มที่มีรายได้รวม 25,000 -50,000 บาทต่อเดือนอยู่ประมาณ 75% ในปี 2565 และสำหรับครัวเรือนกลุ่มที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 15,000 – 25,000 บาท จะมีรายจ่ายอยู่ประมาณ 87% และข้อมูลยังระบุต่ออีกว่ามีประชาชนมากกว่า 9 ล้านครัวเรือน (41% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด) ที่ไม่ได้มีความพร้อมในการรับมือปัญหาเงินเฟ้อครั้งนี้

สิ่งที่คนไทยควรทำในยุคเงินเฟ้อ

เมื่อปัญหาเงินเฟ้อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็คงเป็นสิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อหนีปัญหาไม่ได้ก็ต้องวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบา ซึ่งมีหลายวิธีที่คนไทยควรนำมาใช้ในเวลานี้

1.ยึดงานที่ทำประจำไว้ก่อน

ยุคเงินเฟ้อ

ภาพจาก https://pixabay.com

ที่ผ่านมาเราพูดถึงคำว่าการเป็นนายตัวเองกันเยอะมาก แต่ภาวะเงินเฟ้อแบบนี้คนที่มีงานประจำทำอยู่ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งคิดลาออกและเลือกมาทำกิจการตัวเองเพราะต้นทุนทุกอย่างที่เพิ่มขึ้น รวมกับกำลังซื้อที่ยังผันผวนรุนแรงคือความเสี่ยงอย่างมากในการทำธุรกิจ ทางที่ดีควรยึดรายได้ที่แน่นอนจากงานประจำไว้ก่อนและวางแผนสำรองในการหารายได้เพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย

2.คนทำธุรกิจต้องชะลอการเติบโต และวางแผนการลงทุนอย่างมีคุณภาพ

ยุคเงินเฟ้อ

ภาพจาก https://pixabay.com

สำหรับคนที่มีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้วในภาวะเงินเฟ้อแบบนี้ที่ต้นทุนทุกอย่างเพิ่มขึ้นอย่างมาก ควรชะลอการเติบโต การขยายสาขาของตัวเองในระยะนี้ออกไปก่อน รวมถึงควรวางแผนการใช้เงินลงทุนอย่างมีคุณภาพ บริหารจัดการสต็อคสินค้าและวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ คนทำธุรกิจในช่วงนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการวางแผนสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินด้วย

3.ลงทุนในสินทรัพย์ที่สู้เงินเฟ้อได้

ยุคเงินเฟ้อ

ภาพจาก https://pixabay.com

ในภาวะเงินเฟ้อแบบนี้การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่สู้กับเงินเฟ้อได้คืออีกวิธีที่น่าสนใจโดยมีสินทรัพย์ที่น่าสนใจหลายอย่างเช่น การลงทุนในหุ้น ที่ให้ผลตอบแทนต่อปีประมาณ 8-10 % แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงอยู่เช่นกัน หรือจะเลือกลงทุนในทองคำที่ว่ากันว่าสามารถป้องกันเงินเฟ้อได้อย่างดีเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในระยะยาว ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนทองคำได้หลายทางทั้งจากทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ

รวมถึงกองทุนรวมทองคำก็น่าสนใจเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 3-6% ต่อปี โดยสามารถเพิ่มอายุเฉลี่ยการลงทุน และลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ้นกู้ภายในประเทศไทย

4.เปลี่ยนวิธีการใช้เงิน

2

ภาพจาก https://pixabay.com

เมื่อภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง เงินที่เรามีอยู่ก็ควรใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพราะคิดว่าหาเงินมาง่าย ได้ง่าย เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ในยุคนี้ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เปลี่ยนวิธีการใช้เงินที่เน้นการรัดเข็มขัดให้มากขึ้นคือลดทั้งการบริโภค , เปลี่ยนไปซื้อของที่ราคาถูกลง รวมถึงชะลอการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้สถานะการเงินที่มีนั้นได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและเพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปในระยะยาวได้อย่างมีคุณภาพ

5.ชะลอการก่อหนี้เพิ่ม

1

ภาพจาก https://pixabay.com

ภาระหนี้สินต่อครัวเรือนในประเทศไทยถือว่ายังสูงมากและคาดว่าเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อเช่นนี้จะยิ่งดันให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอีกมาก ในระยะยาวจะมีปัญหาการชำระคืนอย่างชัดเจน ดังนั้น ทางที่ดีควรวางแผนการใช้เงินให้ดีและหากเป็นไปได้ชะลอการก่อหนี้เพิ่มต่างๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น

ถึงตอนนี้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าปัญหา ยุคเงินเฟ้อ จะลากยาวไปถึงเมื่อไหร่ แต่ถ้ามองดูจากสถานการณ์ปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นชัดเจน ราคาสินค้าทุกอย่างปรับตัวสูงมาก และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการมาผ่อนปรนแต่ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาว สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินเก็บ เงินสำรองมากมาย นี่คือปัญหาปากท้องระดับชาติที่รุนแรงมาก และหากยังไม่มีวิธีการหรือมาตรการที่ชัดเจนจะยิ่งส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจให้ถดถอยมากขึ้นด้วย

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3NLcgkm , https://bit.ly/38YwckU , https://bit.ly/3N5ufSl , https://bit.ly/3tvvLFZ , https://bit.ly/3m4jlke

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3tl1SrB

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด