ไก่ทอดเกาหลี Mom’s Touch รุกขายแฟรนไชส์ โอกาสใหม่ RS Group
หากเอ่ยชื่อแบรนด์แฟรนไชส์เบอร์เกอร์และไก่ทอดในเมืองไทยที่ผู้บริโภคชาวไทยรู้จัก เชื่อว่าหลายคนคงนึกได้ไม่กี่แบรนด์ เช่น เคเอฟซี แมคโดนัลด์ เบอร์เกอร์คิง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์แฟรนไชส์จากสหรัฐอเมริกา ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจฟาสต์ฟู้ด
แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีแบรนด์แฟรนไชส์เบอร์เกอร์และไก่ทอดจากเกาหลีใต้ ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมในประเทศไทยอยู่อีกหนึ่งแบรนด์ ถ้าหากเอ่ยชื่อเชื่อเหลือเกินว่าแฟนเบอร์เกอร์และไก่ทอดคงรู้จักดันอย่างดี นั่นคือ ไก่ทอดเกาหลี Mom’s Touch
จุดเริ่มต้น Mom’s Touch
Mom’s Touch ถือกำเนิดในปี 2547 เป็นแบรนด์เบอร์เกอร์และไก่ทอดอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีมากกว่า 1,430 สาขาทั่วโลก เป็นแบรนด์แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดที่มาพร้อมกับกลยุทธ์สร้างความรู้สึกให้กับลูกค้าเหมือนกับว่า แม่เป็นคนทำอาหารให้ ด้วยการปรุงอาหารสดใหม่ด้วยมือหลังคำสั่งซื้อของลูกค้า มีเมนูไก่ทอดและเบอร์เกอร์หลากหลายรสชาติให้เลือก ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติอันกรุบกรอบและชุ่มฉ่ำของแต่ละเมนูได้แบบไม่ซ้ำใคร เหมือนปรุงเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง
Mom’s Touch มีจุดเริ่มต้นจากชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบของคนเกาหลีใต้ จนเกิดเป็นความนิยมทานอาหารประเภทแซนด์วิชหรือเบอร์เกอร์ Mom’s Touch โดยร้านแต่สาขามีการกระจายตัวอยู่ทั่วเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นร้านขนาดใหญ่ ไปจนถึงร้านเล็กๆ ที่อยู่ตามสถานีรถไฟใต้ดินและอาคารสำนักงาน โดย Mom’s Touch ในเกาหลีใต้มีสาขาแซงแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดสหรัฐอเมริกาอย่าง KFC 194 สาขา, แมคโดนัลด์ 400 สาขา, เบอร์เกอร์คิง 484 สาขา
ขายแฟรนไชส์ในไทย
Mom’s Touch เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อปี 2565 จากการนำเข้าของ “คุณโชติ เชษฐโชติศักดิ์” ลูกชายเฮียฮ้อ RS Group ที่ได้รับสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์บริหารและขยายสาขาในไทย โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อแฟรนไชส์ได้อีกด้วย เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในตลาดเบอร์เกอร์และไก่ทอดไทย โดยตั้งเป้าขยายสาขากว่า 20 แห่งภายในปี 2568
ไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ที่แฟรนไชส์ Mom’s Touch สัญชาติเกาหลีใต้ขยายตลาดในต่างประเทศ ประเทศแรกคือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดินแดนแห่งเบอร์เกอร์ ได้เปิดร้านแรกในลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2564 นำเสนอเมนูผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เมนูตามสั่งและการเลือกส่วนต่างๆ ของไก่ที่ชื่นชอบ
ในสหรัฐอเมริกามีรายงานว่า Mom’s Touch ได้รับความนิยมไม่แพ้แบรนด์เบอร์เกอร์ท้องถิ่น โดยมีรายได้ถึง 120,000 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม และ 150,000 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ปี 2564 โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือนจะมีรายได้ประมาณ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาทั้งหมด 100 แห่งในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2568 สำหรับประเทศที่ 3 และ 4 ที่ Mom’s Touch ออกไปเปิดตลาด คือ มองโกเลีย และ ญี่ปุ่น
การเข้ามาทำตลาดของ Mom’s Touch ในไทย จนกระทั่งปัจจุบันมี 7 สาขา ขายจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งเบอร์เกอร์แบรนด์สัญชาติอื่น คือ เรื่องเบอร์เกอร์ที่ทำมาจากสะโพกไก่ไร้กระดูก และไก่ทอดสไตล์เกาหลีใต้ แตกต่างจากเบอร์เกอร์แบรนด์อื่นๆ ที่ใช้ก้อนเนื้อไก่บดและแช่แข็ง ขณะที่เบอร์เกอร์สะโพกไก่ไร้กระดูกของ Mom’s Touch จะมาแบบสดและแช่เย็น ซึ่งได้รับการประเมินด้านรสชาติและคุณภาพในระดับสูง
คอนเซ็ปต์ของ Mom’s Touch คือ อาหารสดรสมือแม่ เปรียบเสมือนเป็นการเสิร์ฟอาหารรสชาติเหมือนที่แม่ทำให้ลูกกิน ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความใส่ใจ สดใหม่ ทำออร์เดอร์ต่อออร์เดอร์ แม้จะต้องใช้เวลาในการรออาหารเพิ่มขึ้นประมาณ 8 นาที แต่การันตีอาหารที่ร้อน สด และใหม่ โดยจะไม่ใช้ของแช่แข็งและไม่มีการทอดทิ้งไว้เด็ดขาด
โดยมีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง “ไธเฟล็กซ์เบอร์เกอร์” (Thigh Flex burger) เบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอดชิ้นใหญ่ 2 ชั้นแบบจุใจ ความกรอบของไก่และขนมปังพร้อมผักในเบอร์เกอร์ทำให้อิ่มครบจบในเมนูนี้
“สะโพกไก่ทอดไร้กระดูกซอสยังยอม” (Yangyeom Thigh Boneless Chicken) ที่จะมีความเปรี้ยว หวาน เผ็ด ในสไตล์เกาหลี ซึ่งไม่ได้เผ็ดมากนัก แต่สำหรับใครที่รับประทานเผ็ดไม่ได้ก็จะมีซอสการ์ลิคให้เลือกอีกรสหนึ่ง
ยังมีเมนูยอดนิยมอย่าง “เฟรนซ์ฟรายส์ชีส” (Cheese French Fries) ที่ราดด้วยซอสสูตรพิเศษนำเข้าจากเกาหลี และ “คิมต๊อกมัน” 2 รสชาติ คือ ซอยการ์ลิค และสไปซีซึ่งมีความเผ็ดที่โดดเด่น
ปัจจุบัน Mom’s Touch มีสาขาในไทย 7 สาขา ได้แก่
- Central Rama 9
- The S-oasis
- ICS center
- Silom Complex
- The Mall Bangkapi
- The Mall Bangkae
- Thonglor (Nov’24)
สาขาล่าสุดของ Mom’s Touch ชูคอนเซ็ปต์สาขาแรก “Mom’s Touch Pub” ที่ 72 Courtyard ย่านทองหล่อ มีความโดดเด่นในรูปแบบแฮงเอาต์ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งไทยและต่างชาติ ที่ชอบสังสรรค์ พร้อมนำเสนอเมนูอาหารและเครื่องดื่มแบบพิเศษ
เมนูไฮไลต์ของ Mom’s Touch ย่านทองหล่อ ประกอบด้วย “Mom’s On Fire Burger” เบอร์เกอร์สะโพกไก่ไร้กระดูก 2 ชั้น ซิกเนเจอร์เฉพาะสาขา 72 Courtyard โดยเพิ่มกิมมิกด้วยลาวาชีสไฟลุก
งบการลงทุนแฟรนไชส์
- ค่าแฟรนไชส์ 290,000 บาท
- งบการลงทุน 4.5 – 7 ล้านบาท
- เงินทุนหมุนเวียน 3.5 แสนบาท/เดือน
- Royalty Fee 3% ต่อเดือน
- เงินประกัน 1 แสนบาท
- ระยะสัญญา 6 ปี
- ระยะเวลคืนทุน 36 เดือน
สุดท้ายมาวิเคราะห์ดูกันว่าเหตุผลที่ “เฮียฮ้อ” หันมาลงทุน Mom’s Touch ได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
อย่างแรก คือ แตกไลน์ธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยขยายพอร์ตอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเติบโตได้รับความนิยมในเมืองไทย ถือเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มอย่างมากหลังการระบาดโควิดคลี่คลายลง บวกกับการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างมาก รวมถึง RS ต้องการลดพึ่งพาธุรกิจบันเทิงและเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียวของบริษัทฯ
ดังนั้น การลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ Mom’s Touch จะช่วยกระจายความเสี่ยงและรายได้ทางธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้จากหลายธุรกิจมากขึ้น แม้ว่าตลาดเบอร์เกอร์ในประเทศไทยจะมีหลายเจ้าตลาดหลายแบรนด์ แข่งขันกันรุนแรง
แต่ Mom’s Touch มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ตรงที่ “อาหารสดรสมือแม่” เสิร์ฟอาหารรสชาติเหมือนที่แม่ทำให้ลูกกิน ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความใส่ใจ สดใหม่ ทำออร์เดอร์ต่อออร์เดอร์หลังจากลูกค้าสั่ง
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Mom’s Touch แฟรนไชส์เบอร์เกอร์และไก่ทอดอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ ภายใต้การดูแลของบริษัทในเครือ RS จะมีไม้เด็ดสำหรับแข่งขันในตลาด สามารถท้าชิง แย่งส่วนแบ่งในตลาดได้มากน้อยแค่ไหน
มอมส์ ทัช (ประเทศไทย)
สนใจลงทุน คลิก
https://bit.ly/3YHKnlm
โทร. 087-4989789
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy