ใกล้ปีใหม่ “คนไทย” ใช้จ่ายอะไรมากที่สุด
ใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกที แถมปีนี้ภาครัฐคลายล็อคหลายอย่างจนแทบจะเรียกได้ว่าเราส่วนใหญ่สามารถดำเนินชีวิตกันไปตามปกติ และเมื่อใกล้ถึงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้อารมณ์อยากเฉลิมฉลองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
และหลายคนก็มีแผนที่จะท่องเที่ยวในที่ต่างๆด้วย คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ระหว่างวันที่ 28 – 30 ธันวาคม 2564 เฉลี่ยวันละ 60,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 4,700 เที่ยว และแน่นอนว่าเรื่อง “รายจ่าย” ในช่วงปลายปีนี้ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าหลายคนวางแผนเรื่องนี้กันมาอย่างดีแต่บางทีก็ผิดแผนได้เหมือนกัน เพราะค่าครองชีพในปีนี้ถือว่าสูงมาก ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมารายได้ของคนไทยหายไปค่อนข้างมาก ค่าใช้จ่ายปลายปีแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังให้ดี ลองมาดูกันว่ามีรายจ่ายอะไรที่เราจำเป็นต้องจ่ายในช่วงใกล้ปีใหม่แบบนี้บ้าง
คาดการณ์ปีใหม่ 2565 เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ภาพจาก freepik.com
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนให้คนกรุงใช้จ่ายมากขึ้นช่วงปีใหม่2565 มาจากการเปิดประเทศ และภาครัฐมีมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ยังมีปัจจัยบวกทางด้านการระบาดของโควิด-19 และการเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น คาดว่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยและการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านของคนกรุงเทพฯ ให้กลับมาคึกคักมากขึ้นซึ่งหากแยกย่อยเป็นรายจ่ายต่างๆ มีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้
- เลี้ยงสังสรรค์ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม เม็ดเงิน 10,750 ล้านบาท
- ช้อปปิ้ง ซื้อสินค้าส่วนตัว ของขวัญ เม็ดเงิน 8,100 ล้านบาท
- เดินทางในประเทศ ค่าเดินทาง ที่พัก เม็ดเงิน 7,800 ล้านบาท
- ค่าบริการ กิจกรรมสันทนาการ เม็ดเงิน 1,900 ล้านบาท
- ทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ เม็ดเงิน 1,350 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่าย ให้เงินครอบครัว บัตรของขวัญ เม็ดเงิน 600 ล้านบาท
ภาพจาก freepik.com
ในส่วนของคนกรุงเทพมีข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Numbeo ได้ระบุว่าดัชนีชี้วัดอัตราค่าครองชีพที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตของกรุงเทพฯ อยู่ที่อันดับ 334 จาก 572 เมืองทั่วโลก โดยเงินเดือนเฉลี่ยของคนในกรุงเทพฯ ที่หักภาษีแล้ว อยู่ที่ประมาณ 22,353 บาทเมื่อนำมาหักลบกับค่าครองชีพที่จำเป็นรายเดือน 5 รายการ
ได้แก่ ค่าเช่าที่พัก ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทางไปกลับในแต่ละวัน ค่าอินเตอร์เน็ตและค่าอาหาร 3 มื้อต่อวันในร้านอาหารระดับปกติ (ไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ) ก็พบว่าคนในกรุงเทพฯ จะมีเงินเหลือราวๆ 4,700 บาท หรือ 21% ต่อเดือน นั่นหมายความว่าถ้าไม่มีการเก็บออมและวางแผนมาให้ดีๆ ปลายปีที่เป็นช่วงแห่งความสุขแบบนี้ เราอาจไม่มีเงินมากพอให้ใช้จ่ายได้
รวมรายจ่ายใกล้ปีใหม่ มีอะไรบ้าง
1.ค่าเดินทางท่องเที่ยว/กลับต่างจังหวัด
ภาพจาก freepik.com
รายจ่ายส่วนนี้จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนในการเดินทาง ในปีนี้ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยแคมเปญต่างๆ ก็อาจลดค่าใช้จ่ายได้ในบางส่วนแต่โดยภาพรวมก็ถือว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ยังค่อนข้างสูงคิดตัวเลขแบบง่ายๆสำหรับคนที่เดินทางในพื้นที่ใกล้ๆ ต้องมีค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด รวมๆ แล้วต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า 10,000 – 20,000 บาท
2.ค่าประกันชีวิต
ภาพจาก freepik.com
บางคนเลือกทำประกันชีวิตแบบจ่ายรายปี และบางทีค่าประกันชีวิตก็จะมาลงล็อคในช่วงนี้พอดี ส่วนรายจ่ายตรงนี้จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เราได้ทำ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นการจ่ายแบบรายปีที่มีประกันชีวิต+สุขภาพ เบี้ยประกันคาดว่าจะไม่น้อยกว่า 20,000 บาท
3.ค่าภาษีรถยนต์/ พรบ.รถยนต์
ภาพจาก freepik.com
สำหรับคนที่มีรถยนต์ในช่วงปลายปีนี้อาจต้องมีเงินส่วนหนึ่งไว้จ่ายค่าภาษีรถยนต์ ต่อ พรบ. รถยนต์ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับรถที่เราใช้งาน และรูปแบบ พรบ.ที่เราเลือก แต่เบ็ดเสร็จก็ควรที่จะมีเงินในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท
4.ค่าเลี้ยงสังสรรค์/ช็อปปิ้ง
ภาพจาก freepik.com
ช่วงเทศกาลแบบนี้จะไม่ช็อปปิ้ง จะไม่กินเลี้ยงก็คงเป็นไปได้ยาก ยิ่งช่วงที่ราคาสินค้าตอนนี้พุ่งสูงมากทั้งเนื้อหมู ผักสด ผลไม้ รวมถึงบุหรี่ และแอลกอฮอลล์ต่างๆ ราคาก็เพิ่มสูงมาก จึงต้องเป็นหน้าที่ของเราเองที่จะวางแผนใช้จ่ายในส่วนนี้อย่างรัดกุมแต่คาดว่าอย่างน้อยก็ต้องมีงบในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 3,000 -5,000 บาท
5.ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่างๆ
ภาพจาก freepik.com
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่น่าจะต้องมีเหล่านี้ก็ยังเชื่อว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่อยู่เหนือความคาดหมายอีกหลายอย่าง ยิ่งเป็นเทศกาลหยุดยาวแบบนี้ถ้าเดินทางไปต่างจังหวัดหรือท่องเที่ยวในที่ต่างๆ อาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นได้ โดยรวมแล้วการตั้งงบสำหรับการท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมใดๆ ก็ควรเผื่อเหลือไว้สักเล็กน้อยด้วย
ภาพจาก freepik.com
ทั้งนี้ได้คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับการเลี้ยงสังสรรค์ ค่าอาหารและเครื่องดื่มปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นจาก 2,000 บาทต่อคนในปีที่แล้ว เป็น 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติ กรรมจากปีที่แล้วที่ส่วนใหญ่จะเลือกซื้อวัตถุดิบมาปรุงเองหรือสั่งซื้ออาหารมารับประทานที่บ้าน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเลี้ยงสังสรรค์ รับประทานอาหารโดยรวมขยายตัวมากขึ้น
สำหรับการใช้จ่ายซื้อสินค้าและของขวัญในช่วงส่งท้ายปี 64 น่าจะฟื้นตัวจากภาวะหดตัวในปีก่อนที่ประชาชนปรับลดงบประมาณการช็อปปิ้ง สอดคล้องกับผลสำรวจที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 70% ของกลุ่มตัวอย่าง มีแผนจะซื้อสินค้าด้วยงบประมาณเท่าเดิมหรือมากกว่าปีก่อน และมากกว่า 20% คิดว่าจะใช้จ่ายมากขึ้น หากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกในช่วงที่เหลือของปีจนถึงต้นปี 65
อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/33A6ZKr , https://bit.ly/3H0u7jP , https://bit.ly/3mm8jak , https://bit.ly/3ecV4V6 , https://bit.ly/3yKieLX
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3sEPxiG
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)