โต๊ะ 1 ตัว เปิดครัวข้างบ้านรายได้เกินหมื่น
ไม่อายทำกิน ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา เป็นเคล็ดลับการสร้างรายได้ที่ใช้ได้จริง ยิ่งบางคนมีบ้านอยู่ใกล้ตลาด ในย่านชุมชน หรือเป็นแหล่งที่คนพลุกพล่านยิ่งมีความได้เปรียบมาก เพราะใช้ โต๊ะ 1 ตัว ก็สามารถสร้างรายได้ทันที
แม้ว่าจะเป็นรายได้ที่ไม่มากแต่ www.ThaiSMEsCenter.com คิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จ หากปั้นแบรนด์ที่เราขาย หรือมีการตลาดที่ดีจริง ไม่แน่ว่าอาจต่อยอดการขายจากร้านโต๊ะตัวเดียวเล็กๆ กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ได้ในอนาคต ลองไปดูว่ามีสินค้าแบบไหนที่น่าสนใจให้เริ่มต้นได้บ้าง
1.ขายหมูปิ้ง / เนื้อปิ้ง / ไก่ย่าง
เมนูสุดฮิตที่ขายดีแน่คือ หมูปิ้ง ไก่ย่าง เนื้อปิ้ง เป็นต้น อุปกรณ์ในการขายหลักๆคือ เตาย่าง , โต๊ะวางหรือรถเข็น จุดเด่นคือใช้พื้นที่น้อยโต๊ะตัวเดียวก็เพียงพอเปิดร้านได้ ทำเลก็ทั่วไปทั้งหน้าบ้านตัวเอง ตลาดนัด ป้ายรถเมล์ ริมถนนต่างๆ งบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 2,000 – 3,000 บาท ก็เปิดร้านได้ ในเรื่องของรายได้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการขาย เช่นถ้าขายหมูปิ้งไม้ละ 10 บาท ถ้า 1 วันขายได้ 100 ไม้ รายได้ประมาณ 1,000 บาท เป็นต้น
ภาพจาก แฟรนไชส์ ต.เนื้อย่าง
หรือถ้าใครคิดว่าลงทุนเองมันยากสามารถเลือกลงทุนรูปแบบแฟรนไชส์ได้ ยกตัวอย่าง ต.เนื้อย่าง ที่ลงทุนแค่ 3,000 บาท ได้อุปกรณ์เนื้อพร้อมย่างกว่า 500 ไม้ ขายไม้ละ 10 บาท ขายวัตถุดิบชุดนี้หมด กำไรทันที 2,000 บาท เป็นต้น
2.ร้านข้าวไข่เจียว
ข้าวไข่เจียวเป็นเมนูง่ายๆ ลงทุนไม่มาก อุปกรณ์น้อย ต้นทุนหลักคือวัตถุดิบ สำหรับผสมไข่เจียว (หมูบด , ปูอัด , หมูยอ ฯลฯ) และข้าว กับไข่ ข้าว 1 ถังเอาแบบดีราคา ถังละ 450-500 บาท หุงได้หลายรอบ ไข่เบอร์2 แผงละ 115-120 บาท (30ใบ) ต้นทุนเบ็ดเสร็จพร้อมเปิดร้านประมาณ 2,000 – 3,000 ขายข้าวไข่เจียวจานละ 20-25 บาท แค่ 100 จานก็ได้เงิน 2,500 บาท ซึ่งอาจจะไม่ได้คืนทุนในทีเดียว แต่ใช้เวลาในการคืนทุนไม่นาน และหากขายดีมีลูกค้ามากๆ อาจเพิ่มเมนูให้หลากหลาย หรืออาจเพิ่มช่องทางการขายแบบเดลิเวอรี่ ก็จะทำให้มีรายได้มากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับรสชาติอาหาร คุณภาพในการบริการเป็นสำคัญด้วย
3.ขายลูกชิ้นปิ้ง/ลูกชิ้นทอด
ภาพจาก https://bit.ly/3mbHlWg
ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอดน่าจะเป็นสินค้ายอดฮิตที่คนอยากลงทุนมากที่สุด ใช้งบในการเริ่มต้นประมาณ 2,000 -3,000 บาทสำหรับการเปิดร้านเล็ก เงินจำนวนนี้ก็คือค่าวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการขายที่จำเป็นต่างๆ และถ้าใครมีทำเลหน้าบ้านอยู่ในย่านชุมชนคนพลุกพล่านยิ่งได้เปรียบและไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ถ้าขายวันละ 100-200 ไม้ ราคาไม้ละ 10 บาท รายได้ต่อวันประมาณ 1,000 –2,000 บาท ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ เทคนิคการขาย กลยุทธ์การตลาดต่างๆ
ภาพจาก https://bit.ly/40H5mn7
ภาพจาก https://bit.ly/3GkUMdk
หรือถ้าบอกว่าลงทุนเองไม่มีประสบการณ์จะลองเลือกลงทุนแบบแฟรนไชส์ก็มีหลายแบรนด์ให้เลือกเช่น อู้ฟู่ ลูกชิ้นปลาเยาวราช , ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิดเถิดเทิง , ซูโม่ ลูกชิ้นปลาระเบิด 1 บาท โดยแฟรนไชส์เหล่านี้มีแพคเกจลงทุน มาพร้อมอุปกรณ์และวัตถุดิบให้พร้อมขายได้ทันที
4.แซนด์วิช/ขนมปัง/เบเกอรี่
แซนด์วิชทำง่ายและใส่ไอเดียในสินค้าได้มาก ที่สำคัญต้นทุนไม่สูงเทคนิคสำคัญคือต้องตั้งราคาขายคำนวณ ให้มากกว่าต้นทุนประมาณชิ้นละ10 -20 บาท สมมติเราขายแซนด์วิชชิ้นละ 25-30 บาท อาจสร้างรายได้ประมาณ 1,000 – 2,000 บาท หักต้นทุนออกไปแม้กำไรอาจจะไม่มาก แต่ก็ได้เงินมาพอหมุนเวียน และแซนด์วิชไม่จำเป็นต้องขายอยู่ที่ใดที่หนึ่ง โต๊ะตัวเดียว อุปกรณ์เล็กน้อย เคลื่อนที่ไปตามตลาดต่างๆ ได้ หรือจะเพิ่มช่องทางในตลาดออนไลน์ ก็จะช่วยทำให้มียอดขายมากขึ้น
5.สลัดโรล
เป็นเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ วิธีการเตรียมตัวอาจจะต้องมีวัตถุดิบให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะปูอัด ไส้กรอก หรือสายพืชอย่างผักสลัด ข้าวโพด ลูกเดือยต่างๆ เป็นต้น แล้วแต่การสรรหาว่าจะเอาอะไรมาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า ในยามเช้าถือเป็นเมนูขายดีที่น่าสนใจ แต่สงวนไว้สำหรับคนที่ใจรักในการทำสลัดเป็นเท่านั้น ราคาสินค้าขึ้นอยู่กับความยากง่ายและวัตถุดิบในการทำ ราคาโดยเฉลี่ยกล่องละ 30-40 บาท
6.ไก่ทอด
ไก่ทอดที่ขายส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 15 – 20 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดว่าเล็กหรือใหญ่แค่ไหน และส่วนต่างๆ เช่น น่องไก่ขนาดทั่วไปราคาจะอยู่ที่ 15 – 20 บาท อกไก่จะอยู่ที่ 20 – 30 บาท เป็นต้น รวมไปถึงบรรดาน่องไก่ทอด ปีกไก่ทอด ที่เพิ่มความน่าสนใจด้วยผงปรุงรสต่างๆ เช่น ชีส , ปาปริก้า และรวมถึงบรรดาหนังไก่ทอดที่เป็นสุดยอดอาหารทานเล่นที่รับประทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ จุดเด่นอีกอย่างคือการทอดแบบสุกใหม่ โชว์ให้เห็นกันชัดๆ กระตุ้นความอยากกินของลูกค้าให้มากขึ้นได้
7.ขายเฟรนฟรายด์
อุปกรณ์ที่ใช้ก็เน้นง่ายๆ เช่น โต๊ะพับได้ 1 ตัว เก้าอี้ 1 ตัว วัตถุดิบหลักคือเฟรนฟรายด์พร้อมทอด 1 ถุงใหญ่ๆ รวมกับผงปรุงรสอย่างปาปริก้า ชีส หรือเกลือ และก็เตาแก๊สปิคนิค ตะแกรงสำหรับตักเฟรนฟรายด์ ถุงพลาสติกสำหรับใส่เฟรนฟรายด์ อุปกรณ์และวัตถุดิบเบื้องต้นเหล่านี้ลงทุนไม่น่าจะเกิน 1,000 บาท เริ่มจากร้านเล็กๆ ขายหน้าบ้านตัวเอง พอมีทุนค่อยขยับไปเช่าที่ในตลาดนัดหรือทำเลอื่นที่มีคนพลุกพล่านมากกว่านี้ราคาขายส่วนใหญ่ชุดละ 20 บาท ใน 1 วันก็พอทำให้มีรายได้เสริมที่ดี
8.งานแฮนเมดด์
สำหรับคนที่มีความสามารถมีไอเดียด้านศิลปะ ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนซื้ออะไรเพิ่ม อาศัยใช้ฝีมือตัวเองที่มีทำสินค้ามาขาย เช่นกระถางต้นไม้ D.I.Y , กรอบรูปจากวัสดุเหลือใช้ , ตุ๊กตาจากเศษผ้า เป็นต้น ยิ่งปัจจุบันแพลตฟอร์มออนไลน์มีประโยชน์อย่างมาก อาจทำให้เรามีรายได้จากการขายมากกว่าที่คิด
9.กระเพราห่อ
ถ้าเรามีหน้าบ้านอยู่ในชุมชน ใกล้โรงเรียน ใกล้ตลาด ตั้งโต๊ะ 1 ตัวเปิดร้านกะเพราห่อก็น่าสนใจมาก อุปกรณ์ใช้จากที่เรามีเป็นหลัก เช่น เตาแก๊ส , โต๊ะ , เครื่องปรุงต่างๆ ที่ต้องซื้อหลักๆ ก็คือหมู , พริก , กระดาษ (สำหรับห่อ) ถ้ามีเงิน 1,000 อาจได้วัตถุดิบไม่มาก การขายช่วงแรกก็อาจเป็นแค่การลองตลาดว่าจะขายดีแค่ไหน เมื่อเริ่มขายดีมีทุนมากขึ้นก็สต็อกวัตถุดิบได้มากขึ้น และอาจขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นเพิ่มบริการเดลิเวอรี่เข้าไปจะทำให้มีรายได้มากขึ้นด้วย
10.ร้านกาแฟ / โอวัลติน / ขนมปังปิ้ง
ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากแค่กระติกน้ำร้อน และกาแฟสำเร็จรูป , โอวัลตินแบบซอง ส่วนขนมปังปิ้งถ้าไม่มีเครื่องปิ้งก็เริ่มจากใช้เตาถ่าน อาจเป็นร้านที่ดูไม่ดึงดูดลูกค้า แต่ก็เป็นร้านที่มีสินค้าง่ายๆ ขึ้นอยู่กับทำเลและไอเดียในการขาย อาจเพิ่มเมนูง่ายๆ อย่างไข่ลวกเข้าไป ก็จะทำให้น่าสนใจมากขึ้น สามารถสร้างรายได้เพิ่ม และถ้ามีทุนมากขึ้นก็พัฒนาร้านให้ดีขึ้นได้ รายได้ต่อวันอาจไม่เยอะแต่เป็นเงินหมุนเวียนที่ดีและเป็นธุรกิจที่ต่อยอดให้เติบโตได้
และหากเรามีทำเลที่ได้เปรียบก็ยังมีอีกหลายสินค้าที่พร้อมเปลี่ยนพื้นที่หน้าบ้าน ข้างบ้านมาสร้างรายได้ไม่ว่าจะเป็นสินค้ามือสอง , เสื้อผ้า , รองเท้า , หรือการตั้งโต๊ะขายเครื่องสำอาง , ขายหน้ากากอนามัย เป็นต้น แม้ว่าสินค้าเหล่านี้จะไม่แปลกใหม่และมีคู่แข่งอยู่มาก ก็ขึ้นอยู่กับการตลาดของเราเป็นสำคัญถ้าสร้างจุดเด่นให้น่าสนใจ ใช้ตลาดโซเชี่ยลเข้ามาช่วย ก็ถือเป็นการสร้างรายได้ที่น่าสนใจอย่างมาก
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)