แฟรนไชส์หมาล่าทัง No.1 เกาหลี ดา บ็อก ฮยาง ขายแฟรนไชส์ในไทยแล้ว!
แต่ที่น่าสนใจและเราจะพูดถึงกันในวันนี้คือ “ดา บ็อก ฮยาง” แบรนด์นี้ชื่อเสียงดังมากในเกาหลีใต้ เปิดตัวครั้งแรกที่จังหวัดคย็องกีเมื่อปี 2019 มาถึงตอนนี้มีสาขาทั่วเกาหลีใต้มากกว่า 100 แห่ง แถมเขายังเป็นแฟรนไชส์หม่าล่าทัง แห่งแรกในเกาหลีใต้ที่มีโรงงานผลิตเครื่องปรุงหม่าล่าทังเป็นของตัวเองอีกด้วย
ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่า ดาบ็อกฮยาง ฮิตแค่ไหน อร่อยแค่ไหน ลองไปดูกันได้ที่สาขาสยามสแควร์ซอย 7 อันนี้เป็นสาขา แห่งแรกในประเทศไทย และตอนนี้ก็มีขยายสาขาไปอีก 2 ที่คือสะพานควาย และอีกสาขาในระยองที่จะเปิดตัวช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
มากันที่ Concept ของร้านเริ่มจากบรรยากาศเน้นความเรียบง่ายแต่อบอุ่น ชูจุดเด่นในเรื่องความสะดวกสบายเอาใจนักเรียน คนวัยทำงาน และไม่ต้องกลัวเรื่องกลิ่นเรื่องควันว่าจะติดตัวให้เสื้อผ้าเหม็น เพราะอะไร? ก็รูปแบบร้านคือเน้นให้เราเลือกวัตถุดิบที่ต้องการ จากนั้นก็ให้เชฟเป็นคนปรุงอาหาร ส่วนเราก็ไปนั่งรอที่โต๊ะให้พนักงานมาเสิร์ฟ เมนูที่อร่อยก็เยอะมากทั้งหม่าล่าผัดแห้ง , หมูทอดซอสเปรี้ยวหวาน ข้าวผัดสไตล์เกาหลี เป็นต้น
วิเคราะห์กันในแง่คู่แข่ง ถ้ามองภาพรวมตลาดหม่าล่าในเมืองไทยนี่คือเยอะมาก แต่ทำไม “ดา บ็อก ฮยาง” ถึงน่าสนใจ? เหตุผลก็ง่ายๆเลยครับ นี่คือแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากเกาหลีใต้ เขามีการเซตระบบบริหารจัดการภายในร้าน , การคิดสูตรเมนูอาหาร , การส่งเสริมด้านการตลาด
คือมีพร้อมทุกอย่างแค่เราสนใจลงทุนที่เหลือทีมงานเขาช่วยบริหารจัดการให้หมด ไม่ต้องมาคอยลุ้นว่าจะมีคนรู้จักแบรนด์ฉันไหม? เมนูนี้จะอร่อยถูกใจลูกค้าหรือเปล่า เพราะทุกอย่างเขาเซตมาให้พร้อมเพื่อลงทุนเปิดร้านได้เลย ทีนี้ลองมาวิเคราะห์ในเรื่องของเงินลงทุนกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่น่าจะอยากรู้มากที่สุด
การลงทุนของดาบ็อกฮยาง มี 3 รูปแบบคือ Plan A , Plan B และก็ Plan C โดยมีรายละเอียดต่างๆดังนี้
รายละเอียด |
Plan A |
Plan B |
Plan C |
ขนาดพื้นที่ |
50 ตร.ม. |
90 ตร.ม. |
120 ตร.ม. |
ค่าแฟรนไชส์ |
300,000 |
300,000 |
300,000 |
ค่าตกแต่งร้าน (รวมค่าแบบและค่าตรวจงาน) |
468,400 |
884,500 |
115,7500 |
ค่าอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ภายในร้าน |
416,000 |
498,000 |
614,000 |
ค่าอุปกรณ์ในห้องครัว |
254,000 |
316,000 |
390,000 |
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด(ไม่รวมVAT) |
1,438,400 |
1,998,500 |
2,461,500 |
ระยะเวลาของสัญญาแฟรนไชส์ |
3 ปี |
3 ปี |
3 ปี |
ขอยกตัวอย่าง Plan A พูดกันเป็นตัวเลขกลมๆ เลยคือมีเงินประมาณ 1.4 ล้าน เงินลงทุนในส่วนนี้สิ่งที่เราจะได้รับคือ ค่าแต่งร้าน , ค่าอุปกรณ์ในร้าน , อุปกรณ์ในครัว , ค่างานระบบ , ค่าสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้า ซึ่งทั้งหมดที่จะได้รับนี้ทำให้เราพร้อมเริ่มเปิดร้านได้ทันที
แต่ผู้ลงทุนเองก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกส่วนที่สำคัญคือ “ค่าเช่าพื้นที่” ซึ่งต้องมาแยกกันเป็นเคสๆ ไป เช่นถ้าขายในห้างสรรพสินค้าก็ราคานึง หรือถ้าเป็น Standalone ก็อีกราคาหนึ่งเป็นต้น
เท่าที่เห็นตอนนี้ของดา บ็อก ฮยาง ทั้ง 3 สาขานี่เป็น Standalone ทั้งหมด แต่ก็เลือกทำเลนะ เขาเน้นในย่านที่มี Traffic เยอะๆ กลุ่มเป้าหมายก็เช่นนักศึกษา , นักเรียน , คนวัยทำงาน โดยหากใส่ตัวเลขกลมๆ ลงไป
- ควรมีค่าเช่าพื้นที่ประมาณ 30,000 บาท
- ควรมีเงินทุนสำรองหมุนเวียนประมาณ 100,000 บาท
ถ้านับรวมตัวเลขทั้งหมดที่จะเปิดดา บ็อก ฮยาง (Plan A)ได้ ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 1,568,400 บาท
เมื่อเรารู้ตัวเลขการลงทุนแล้วทีนี้ก็มาถึงส่วนที่จะทำให้เราตัดสินใจได้ว่าควรลงทุนดีหรือไม่? ถามว่าต้องดูอะไร สิ่งที่ต้องดูคือ ระยะเวลาคืนทุน และกำไรที่เราจะได้รับ
โดยเราจะแยกให้เห็นภาพทั้ง 3 ส่วนคือในกรณีที่ขายดีมาก (Best Scenario) , ขายได้ปานกลาง ( Standard Scenario) และ ยอดขายแย่มาก (Worst Scenario)
รายละเอียด |
Worst Scenario
|
Standard Scenario
|
Best Scenario
|
งบลงทุน |
1,438,400 |
1,438,400 |
1,438,400 |
ยอดขาย 100% |
360,000 |
540,000 |
720,000 |
ต้นทุนวัตถุดิบ 45% |
162,000 |
243,000 |
324,000 |
ผู้จัดการ 6% |
20,000 |
20,000 |
20,000 |
พนักงาน 3 คน 10% |
36,000 |
48,000 |
60,000 |
ค่าเช่าพื้นที่ 8% |
30,000 |
30,000 |
30,000 |
ค่าสาธารณูปโภค 4% |
14,400 |
21,600 |
28,800 |
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 1% |
3,600 |
5,400 |
7,200 |
ผลกำไร 24-28% |
94,000 |
172,000 |
250,000 |
ระยะเวลาคืนทุน |
16 เดือน |
9 เดือน |
6 เดือน |
สัญญาแฟรนไชส์ 3 ปี (หรือ36 เดือน) โอกาสคืนทุนแย่ที่สุดคือ 16 เดือนเท่ากับว่าจะมีเวลาทำไร 36-16 = 20 เดือน
แต่ถ้ายอดขายเป็นไปแบบปกติ ระยะเวลาคืนทุนคือ 9 เดือน จะมีเวลาทำกำไร 36-9 = 27 เดือน
แต่ถ้ายอดขายดีมากๆ ระยะเวลาคืนทุนแค่ 6 เดือน จะมีเวลาทำกำไร 36-6 = 30 เดือน
ถ้าเห็นตัวเลขนี้แล้วยังไม่แน่ใจลองไปดูรายได้ของดาบ็อกฮยางสาขาสยามสแควร์ ซอย 7 ซึ่งเป็นสาขาแรกที่เปิดในประเทศไทย และสาขานี้คือคนเยอะมาก ยอดขายของสาขานี้เฉลี่ยต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท นำมาหักรายจ่ายและคิดเฉพาะกำไรที่ประมาณ 25% ของยอดขายเท่ากับว่า ดาบ็อกฮยาง สาขาสยามสแควร์แห่งนี้มีกำไรเฉลี่ย 250,000 บาท/เดือน
ในความรู้สึกส่วนตัวถ้าวิเคราะห์จากตัวเลขนี่กำไร 250,000 บาทต่อเดือนนี่คือดีมากนะ ถ้าเทียบกับทำงานประจำเงินเดือน 15,000 – 20,000 เอาแบบไม่กินไม่ใช้ไม่ทำอะไรเลย (ซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้) ยังต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี ถึงจะมีเงิน 250,000 บาท
และจุดเด่นอีกอย่างของดาบ็อกฮยางคือ “การเซตระบบแฟรนไชส์” มาเป็นอย่างดี ทำให้คนลงทุนพร้อมเปิดร้านได้ไม่ยากมีการฝึกอบรมบุคลากร , มีการวางระบบภายในร้าน , การจัดแต่งและเซตร้านให้พร้อมดำเนินกิจการ
และด้วยความที่เป็นแบรนด์ใหญ่ภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพียงแค่หาทำเลที่เหมาะสม ธุรกิจนี้ยังเปิดได้อีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ สำคัญที่ว่าเรามุ่งมั่นและตั้งใจทำจริงและมีความกล้าที่จะลงทุนหรือเปล่า
ภาพจาก แฟรนไชส์ ดา บ็อก ฮยาง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความที่เงินลงทุนค่อนข้างสูง หากไม่มีเงินทุนตัวเองก็ต้องพิจารณาในเรื่องของสินเชื่อจากสถาบันการเงินก็ต้องมีต้นทุนในเรื่องของดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย แต่จากรายได้ขั้นต้นที่มีการคำนวณ
เห็นได้ชัดว่าศักยภาพของ ดาบ็อกฮยาง พร้อมสร้างรายได้ที่ดีและเขาก็คิดทุกอย่างมาให้หมดแล้ว แต่ถ้าคิดลงทุนกันจริงๆ แนะนำว่าควรไปชิมว่าอร่อยถูกใจเราไหมจากนั้นค่อยพูดคุยรายละเอียดกับเจ้าของแฟรนไชส์ให้เข้าใจทุกอย่างตรงกันอีกที จะได้มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น
ดา บ็อก ฮยาง
สนใจลงทุน คลิก
https://bit.ly/3O83PCd
โทร. 087-4989789
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่