เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ มีรายได้จากทางไหนบ้าง

หลากหลายแฟรนไชส์มักมีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ จากผู้ซื้อแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่าการตลาด ค่าสิทธิ ค่าประกัน ค่าบริหารจัดการ ค่าสินค้าและบริการ และอื่นๆ

เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ซื้อแฟรนไชส์จะอยู่ในแฟรนไชส์ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงนำเงินไปพัฒนาธุรกิจและสนับสนุนแฟรนไชส์ ถ้าถามว่าเจ้าของแฟรนไชส์จะมีรายได้จริงๆ จากไหนบ้าง วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอให้ทราบ

1.ค่าแฟรนไชส์ หรือ Franchise Fee

เป็นเจ้าของแฟรนไชส์

รายได้ส่วนแรกมาจากค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee) ที่เจ้าของแฟรนไชส์ต้องเก็บจากผู้ซื้อแฟรนไชส์ เป็นค่าเปิดทางให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นค่าซื้อแฟรนไชส์ โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้มีสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้า เทคโนโลยี องค์ความรู้ สูตรความสำเร็จ ซึ่งแบรนด์แฟรนไชส์ใหญ่ๆ ที่มีระบบแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน เป็นเงินเรียกเก็บครั้งเดียว

2.ค่าสิทธิต่อเนื่อง หรือ Royalty Fee

เป็นเจ้าของแฟรนไชส์

เป็นรายได้ส่วนที่สองของเจ้าของแฟรนไชส์ที่จะต้องเรียกเก็บจากผู้ซื้อแฟรนไชส์ ถือว่าค่าจงรักภัคดีของผู้ซื้อแฟรนไชส์ และเป็นหลักประกันว่าตัวผู้ซื้อแฟรนไชส์ยังคงสนใจที่จะร่วมทำธุรกิจกับทางแบรนด์อยู่ โดยมากมักเรียกเก็บจากส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ยอดขายรายเดือน (3-6%) เพื่อให้เกิดความรู้สึกร่วมไปด้วยกันว่าทั้งแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซียังคงร่วมธุรกิจไปด้วยกัน ค่าสมาชิกรายปีไม่ใช่เงินกินเปล่า เพราะเงินส่วนนี้ทางแฟรนไชส์วอร์จะนำไปพัฒนาแบรนด์ต่อไป

3.ค่าการตลาด หรือ Marketing Fee

เป็นเจ้าของแฟรนไชส์

ค่าการตลาดเป็นค่าสิทธิ์อีกอย่าง ที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องจ่ายต่อเนื่องให้กับแฟรนไชส์ซอร์เหมือน Royalty Fee ถือเป็นค่าใช้จ่ายในกาทำตลาด สร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ เพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคได้รู้จักตราสินค้า เพราะเป็นหัวใจของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ ที่ต้องทำให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์แฟรนไชส์ โดยปกติทั่วไปแล้วเจ้าของแฟรนส์จะเรียกเก็บค่า Marketing Fee ประมาณ 3-5% ของยอดขายรายเดือนเช่นเดียวกัน

4.ค่าโฆษณา หรือ Advertising Fee

เป็นเจ้าของแฟรนไชส์

เป็นรายได้ที่เจ้าของแฟรนไชส์อาจต้องเก็บจากผู้ซื้อแฟรนไชส์รายเดือน ประมาณ 1-3% ของยอดขาย คล้ายๆ กับMarketing Fee เพื่อนำไปใช้ในการโฆษณาสินค้าหรือบริการตามสื่อต่างๆ แต่รายได้ในส่วนนี้เจ้าของแฟรนไชส์อาจจะเรียกเก็บหรือไม่เก็บก็ได้แล้วแต่จะตกลงกัน ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักว่า สาขาแฟรนไชส์แต่ละแห่งมีสินค้าอะไรใหม่ๆ หรือลดราคาบ้าง รวมถึงการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อ

5.ค่าสินค้าและวัตถุดิบ

เป็นเจ้าของแฟรนไชส์

เป็นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่เจ้าของแฟรนไชส์จะได้รับจากผู้ซื้อแฟรนไชส์ เช่น ถ้าเป็นแฟรนไชส์เครื่องดื่ม ชา กาแฟ เจ้าของแฟรนไชส์ก็จะจัดส่งผลิตภัณฑ์ชาผง ผงกาแฟ หรือเมล็ดกาแฟ แก้ว ให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ เพื่อคงคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน หรือถ้าเป็นแฟรนส์อาหาร เจ้าของแฟรนไชส์ก็จะจัดส่งสินค้าหรือวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ เป็นต้น

6.ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน

40

บางแฟรนไชส์ที่มีระบบแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน อย่างเช่น ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน จะเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการก่อนเปิดร้านรวมถึง ค่า Set up ร้าน, ค่าฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารร้านเปิดใหม่, ค่า On the Job Training รวมถึงค่าสำรวจพื้นที่จากผู้ซื้อแฟรนไชส์ราวๆ ประมาณ 80,000 บาท แต่หลายๆ แบรนด์แฟรนไชส์อาจจะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

7.ค่าเช่าเครื่อง Point of Sale (POS)

1

หลายแบรนด์แฟรนไชส์ที่มีระบบการบริหารจัดร้านที่เป็นมาตรฐาน โดยเฉพาะระบบการชำระเงินต่างๆ บริเวณหน้าร้าน ส่วนใหญ่จะมีรายได้จากการให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์เช่าเครื่อง Point of Sale (POS) เป็นรายปี เพื่อความสะดวกสบายในการขาย เช็คข้อมูลสินค้า บริการรวดเร็วทันใจ ช่วยวางแผนโปรโมชั่น เช็คสต็อกสินค้าได้ เช็คยอดขายได้ตลอดเวลา ฯลฯ

นั่นคือ รายได้ 7 ช่องทางที่เจ้าของธุรกิจจะได้จากการขายแฟรนไชส์

Franchise Tips

  1. ค่าแฟรนไชส์ หรือ Franchise Fee
  2. ค่าสิทธิต่อเนื่อง หรือ Royalty Fee
  3. ค่าการตลาด หรือ Marketing Fee
  4. ค่าโฆษณา หรือ Advertising Fee
  5. ค่าสินค้าและวัตถุดิบ
  6. ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน
  7. ค่าเช่าเครื่อง Point of Sale (POS)

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3128hNB

อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

 

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช