เปิด 7-Eleven เจ้าของพื้นที่เอง คืนทุนเมื่อไหร่
ปัจจุบันสาขา 7-Eleven ในไทย สิ้นไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 14,854 สาขา แบ่งเป็นสาขาบริษัท 51% อีก 49% เป็นสาขาของ Store Business Partner กับ Sub-Area รับสิทธิ์ช่วงอาณาเขต
สัดส่วนรายได้ 7-Eleven แบ่งออกเป็นสินค้าอุปโภค 24% ที่เหลือ 76% เป็นสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม แต่ละสาขาของ 7-Eleven มียอดขายเฉลี่ยต่อวัน 86,656 บาท ยอดซื้อต่อบิล 85 บาท มีจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อวัน 1,007 คน
การเปิดแฟรนไชส์ร้าน 7-Eleven หรือการเป็น Store Business Partner มีให้เลือก 2 รูปแบบ
#รูปแบบที่ 1
- เงินลงทุน 4.8 แสนบาท
- เงินประกัน 1 ล้านบาท
รวมแล้วต้องมีเงินให้กับทาง 7-Eleven ประมาณ 1.48 ล้านบาท อายุสัญญา 6 ปี
Store Business Partner เข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีเงินเดือน 29,000 บาท ต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้ได้ตามงบ ย้ำว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่ยอดขาย ค่าใช้จ่ายก็มี ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์หลัก และอื่นๆ
ถ้าบริหารร้านได้ตามเป้างบค่าใช้จ่าย จะมีปันผลแบ่งยอดกำไรจากการขายให้ 20-30% ในส่วนที่มียอดขายเกินเป้า
#รูปแบบที่ 2
- เงินลงทุน 1.73 ล้านบาท
- เงินประกัน 9 แสนบาท
รวมแล้วต้องมีเงินให้กับทาง 7-Eleven 2.63 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี
ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้ส่วนแบ่งจากกำไร 54% (ยังไม่ได้หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆ ในร้าน)
การเป็น Store Business Partner ทั้ง 2 รูปแบบ ผู้ลงทุนไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า วัสดุอุปกรณ์ และการก่อสร้างออกแบบตกแต่งร้าน ทางซีพีออลล์เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด รวมถึงค่าเช่า ภาษีป้าย ภาษีที่ดิน และอื่นๆ
เปิด 7-Eleven จำนวน 1 สาขา คืนทุนเมื่อไหร่
(กรณีเป็นเจ้าของที่ดินเอง)
- จากการสอบถาม Store Business Partner ใช้เงินลงทุนเปิดร้าน 7-Eleven รูปแบบที่ 2 = 3,900,000 บาท (สูงกว่าตัวเลขที่ทางซีพีออลล์ระบุเอาไว้ในเว็บไซต์)
- ได้ส่วนแบ่งจากกำไร 54% (ยังไม่ได้หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆ ในร้าน)
- ได้รับค่าเช่าจาก 7-Eleven = 60,000 บาท/เดือน (ขนาดพื้นที่ 822.5 ตร.ม.)
- สถิติร้าน 7-Eleven มียอดขายเฉลี่ยต่อวัน = 86,656 บาท
- ยอดขายต่อเดือน = 2,599,680 บาท
- กำไรธุรกิจค้าปลีกประมาณ 15%
เมื่อนำยอดขายมาหัก 15% ออกก็จะเหลือรายได้ 389,952 บาท/เดือน/สาขา (ยังไม่หักค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ)
#ค่าใช้จ่ายในร้าน
- ค่าจ้างพนักงาน 8 คน = 104,000 บาท/เดือน (เฉลี่ย 13,000 บาท/คน)
- ค่าน้ำ+ค่าไฟ 50,000 บาท/เดือน
- สินค้าหมดอายุ+อุปกรณ์ต่างๆ ชำรุด 20,000 บาท/เดือน
รวมค่าใช้จ่ายในร้านเฉลี่ยต่อเดือน = 174,000 บาท
#กำไรสุทธิต่อเดือน 389,952 – 174,000 = 215,952 บาท
#Store Business Partner มีส่วนแบ่งจากกำไร 54% = 116,614 บาท/เดือน (ยังไม่หักเงินเดือนตัวเอง)
#Store Business Partner เป็นเจ้าของที่ดิน ได้รับค่าเช่าต่อเดือน = 60,000 บาท
#สรุปก็คือ Store Business Partner มีรายได้ต่อเดือน 116,614 + 60,000 = 176,614 บาท
- ระยะเวลาสัญญา 10 ปี
- งบลงทุน 3,900,000 บาท หารด้วยรายได้สุทธิต่อเดือน 176,614 บาท = คืนทุน 22 เดือน
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะร้องโอ้ว!! เปิด 7-Eleven รายได้ดีขนาดนี้เหรอ ขอบอกให้รู้ก่อนเลยว่า รายได้ที่เห็นนี้เป็นค่าเฉลี่ยแต่ละสาขาทั่วประเทศของ 7-Eleven บางสาขารายได้เมื่อหักค่าใช้จ่าย เหลือกำไรไม่ถึงแสนก็มี แต่บางสาขาที่อยู่ในทำเลดีๆ ลูกค้าใช้บริการเป็นพันคนต่อวัน กำไรอาจจะดีหน่อยตกอยู่ที่ 1-2 แสนบาท/เดือนก็มี
กรณีที่สาขาไหนมียอดขายดี ลูกค้าเยอะๆ คุณอาจจะเคยเห็นร้าน 7-Eleven เปิดสาขาใกล้ๆ กัน เหตุผลก็เพราะทาง 7-Eleven มองว่าพื้นที่นั้นมีความเจริญ จำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้การบริการของสาขาเดิม ไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า จึงเป็นสาเหตุให้มีร้าน 7-Eleven เข้ามาเปิดใหม่ เพื่อบริการลูกค้าได้รวดเร็ว
แต่ก่อนเปิดสาขาใหม่ใกล้สาขาเดิม บริษัทฯ จะให้สิทธิ Store Business Partner เจ้าเดิมพิจารณาความพร้อมในการเปิดสาขาใหม่ ถ้าพร้อมก็สามารถใช้สิทธิบริหารร้านใหม่ได้เลย แต่ถ้าไม่พร้อม บริษัทฯ จะเปิดร้านรอไว้ เพื่อให้ Store Business Partner เดิมมารับโอนไปเมื่อพร้อม ซึ่งในระหว่างนั้นบริษัทฯ ก็จะมีการประกันรายได้ให้สาขาเดิมด้วย
ใครมีความรู้หรือประสบการณ์ เปิด 7-Eleven สามารถแชร์ความคิดเห็นเข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้เลย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultan