เปิดสูตรคิดต้นทุน ร้านสังฆภัณฑ์ ตั้งราคาแค่ไหน ไม่ให้เจ๊ง
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายบุญจึงได้รับความนิยม เทศกาลงานบุญในเมืองไทยมีเยอะมาก ตั้งแต่งานบวช เข้าพรรษา ออกพรรษา อาสาฬหบูชา วิสาขบูชา หรือแม้แต่ประเพณีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ถวายเทียนเข้าพรรษา กฐิน ผ้าป่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดมาล้วนแต่เกี่ยวข้องกับ “ร้านสังฆภัณฑ์” ทั้งสิ้น
www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าธุรกิจ ร้านสังฆภัณฑ์ เป็นการลงทุนที่น่าสนใจแต่ก็ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะเข้ามาทำแล้วไปรอด หลายคนที่เคยลองทำกลับเจ๊งไม่เป็นท่า ทั้งที่สินค้ามีความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี อะไรคือเหตุผลของคนที่ทำแล้วไม่รอด ในขณะที่บางร้านกลับอยู่รอดปลอดภัยมีกำไรดีเว่อร์ ลองมาไล่เรียงดูเรื่องนี้กันทีละประเด็นว่าเป็นอย่างไร
เริ่มต้นเปิดร้านสังฆภัณฑ์ต้องทำอย่างไร?
1.สำรวจตัวเองว่ามีความรู้ในเรื่องสายบุญดีแค่ไหน
ภาพจาก www.facebook.com/SakolpanichParnburi/
อย่าคิดว่าเปิด ร้านสังฆภัณฑ์ แค่ใครอยากมาซื้ออะไรก็ขาย ขาย และขาย ในความจริงแล้วไม่ใช่ ลูกค้าจำนวนมากอาจไม่เข้าใจในศาสนพิธีต่างๆ ไม่รู้ว่าต้องใช้อะไร ต้องเตรียมอะไร หน้าที่ของ ร้านสังฆภัณฑ์ คือแนะนำลูกค้าได้อย่างถูกต้อง เน้นย้ำคำว่า “ถูกต้อง” ไม่ใช่แนะนำแบบงูๆปลาๆ หรือแนะนำแค่ให้ขายของได้ บางทีการแนะนำอาจไม่ได้หมายถึงให้ลูกค้าซื้อสินค้าในร้าน ธุรกิจร้านสังฆภัณฑ์ที่ขายดีมีลูกค้าติดใจเพราะเขาชำนาญในเรื่องนี้มาก
2.มีเงินทุนเริ่มต้นพอที่จะซื้อสินค้าได้มากพอ
ภาพจาก www.facebook.com/SakolpanichParnburi/
จะกำหนดว่าเงินทุนแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดร้านว่าใหญ่แค่ไหนด้วย หากเป็นร้านขนาดเล็กทั่วไปใช้เงินทุนเบื้องต้นก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 100,000 -200,000 หากร้านใหญ่ขึ้น งบในการลงทุนก็ต้องมากขึ้น สินค้าในร้านก็ต้องมีมากพอทั้งอุปกรณ์ศาสนพิธี พระพุทธรูป และเครื่องปัจจัยไทยธรรมต่างๆ สำหรับสินค้าบางอย่างอาจใช้วิธีการแนะนำหรือกินเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างเช่น การหล่อพระพุทธรูปต่างๆ เป็นต้น
3.ทำเลเปิดร้านต้องย่านชุมชน
ทำเลเด่นไม่ได้ก็ต้องได้ทำเลรอง หรืออย่างน้อยก็ขอให้ได้อยู่ในทำเลที่คนพลุกพล่าน เราจะเห็นร้านสังฆภัณฑ์ส่วนใหญ่เปิดตามตลาดสด หรืออยู่ในย่านชุมชน เพราะพื้นที่เหล่านี้มีจำนวนคนพลุกพล่านโอกาสขายสินค้าก็มีทั้งจากลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร อย่าคิดเปิดร้านในที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน โอกาสขาดทุนมีสูงมาก
4.บริการหลากหลายจัดส่งให้ลูกค้าได้
ภาพจาก www.facebook.com/SakolpanichParnburi/
ลูกค้าที่มาไม่ได้มีรถมากันทุกคน บางคนมาซื้อของจำนวนมากแต่ไม่สะดวกจะเอากลับ ร้านค้าควรมีบริการจัดส่งให้ถึงบ้านในบางกรณี หรือบางครั้งลูกค้าอาจจะมาสั่งสินค้าไว้ใช้ในงานบุญต่างๆ ร้านค้าอาจมีบริการจัดส่งให้ถึงสถานที่ในวันงานที่กำหนดจะช่วยทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
5.ราคาขายต้องไม่แพงเว่อร์
ภาพจาก www.facebook.com/SakolpanichParnburi/
รู้ว่าการทำธุรกิจก็ต้องการกำไรกันทุกคนแต่ขึ้นชื่อว่าร้านสังฆภัณฑ์ที่คนจะมองว่าเป็นธุรกิจสายบุญ การตั้งราคาขายควรให้สมเหตุสมผลและไม่ถือเอากำไรจนเกินงาม ในบางครั้งอาจมีบ้างที่ต้องช่วย “ทำบุญ” ให้กับลูกค้าไปบ้าง หรือบางทีก็ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่า ทอดกฐินในบางโอกาส จะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ธุรกิจสายบุญของเราให้ดียิ่งขึ้น
ตั้งราคาสินค้าแบบไหน ให้ธุรกิจไปรอด
อย่างที่กล่าวว่าทำธุรกิจก็ต้องหวังกำไร ร้านสังฆภัณฑ์ก็เช่นกัน การจะคำนวณต้นทุนกำไรให้ชัดเจน ก็ต้องไปดูว่าเปิดร้านขนาดใหญ่แค่ไหน มีค่าเช่าที่แพงหรือเปล่า มีสินค้าในร้านมากน้อยแค่ไหน มีลูกน้องทำงานกี่คน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าภาษี ทุกสิ่งทุกอย่างรวมเป็นต้นทุนได้ทั้งหมด สูตรคำนวณกำไรเบื้องต้นจึงเป็นสูตรง่ายๆ คือ
กำไรโดยเฉลี่ย = ต้นทุนโดยรวมสินค้า + ค่าบริหารจัดการ
ภาพจาก www.facebook.com/SakolpanichParnburi/
ยกตัวอย่างว่าเราเปิด ร้านสังฆภัณฑ์ ขนาดเล็ก มีสินค้าที่เป็นต้นทุนโดยรวมครั้งแรกซื้อมา ทั้งหมด 100,000 บาท การจะให้ร้านมีกำไรก็ต้องมาบวกค่าบริหารจัดการอันได้แก่ ค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ ค่าลูกน้อง หรือเรียกง่ายๆคือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดในแต่ละเดือน มาเฉลี่ยให้เป็นกำไรต่อเดือน ซึ่งกำไรต่อชิ้นเราอาจรู้ต้นทุนว่าราคาต่อชิ้นเท่าไหร่เช่น พระพุทธรูป หน้าตัก 9 นิ้ว ราคาทุน 1,500 บาท
การจะขายออกก็ต้องมาบวกค่าบริหารจัดการ โดยอาจตั้งราคาขายที่ 1,800 – 2,000 บาท มีกำไรส่วนต่างประมาณ 300-500 บาท สินค้าแต่ละชิ้นอาจได้กำไรมากน้อยต่างกัน บางทีลูกค้าก็มีการต่อรองสินค้า กำไรเหล่านี้ก็จะต้องมาถัวเฉลี่ยกันในแต่ละเดือน รวมกันอยู่ในบัญชีการขายที่ร้านจะต้องจัดทำเพื่อให้รู้เงินเข้า เงินออก ก็จะมองเห็นภาพชัดเจนว่ากำไรต่อเดือนมีมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้นอกจากการขายแบบออฟไลน์หรือหน้าร้าน ในยุคดิจิทัลแบบนี้หากต้องการเพิ่มรายได้อาจใช้ช่องทางโซเชี่ยลเป็นการขายแบบออนไลน์ ซึ่งก็มีร้านสังฆภัณฑ์ออนไลน์หลายแห่งที่เปิดดำเนินการ บางคนไม่มีหน้าร้านแต่ขายออนไลน์อย่างเดียว เพียงแต่การมีหน้าร้านจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ดีกว่า และโอกาสที่ลูกค้าจะเป็นขาประจำของเราก็มีมากด้วย
*** สูตรการคิดคำนวณราคาดังกล่าวนี้ มีตัวแปรที่ต้องเอามาคิดรวมกันอีกหลายอย่างทั้งค่าการตลาด ค่าเช่าพื้นที่ ต้นทุนผันแปรของแต่ละบุคคล ราคาเบื้องต้นจึงเป็นค่าประมาณการณ์ให้พอมองเห็นภาพและแนวทางในการคิดเบื้องต้น***
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/3kEXFYV
อ้างอิงจาก https://bit.ly/2RT58HH