สงครามร้านสะดวกซื้อ 6 แบรนด์ ในมือ 5 เจ้าสัวไทย
เชื่อหรือไม่ว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อในเมืองไทยแข่งขันกันดุเดือดมาก คาดว่ามูลค่าตลาดจะพุ่งสูงถึง 6.38 แสนล้านบาทในปี 2568 เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตอยู่ที่ 6.05 แสนล้านบาท
ต้องยอมรับว่าสมรภูมิรบในธุรกิจ “ สงครามร้านสะดวกซื้อ – มินิมาร์ท ” เริ่มทวีดีกรี มีการแข่งขันร้อนแรงและมีอัตราการเติบโตของแต่ละแบรนด์มากขึ้นทุกๆ ปี โดยสมรภูมิรบแห่งนี้จะเห็นผู้เล่นหลักๆ ในตลาดล้วนเป็นเครือข่ายธุรกิจใต้ปีกของ “เจ้าสัวเมืองไทย”
ถามว่าความท้าทายของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ต้องเผชิญคืออะไร ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะต้นทุน ค่าครองชีพสูงขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายต่อบิล รวมถึงการแข่งขันและผูกขาดโดยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่รายในตลาด ส่งผลให้โอกาสในการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหม่มีความเป็นไปได้น้อยในอนาคต
มาดูส่วนแบ่งการตลาดร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย (ทุกขนาด) เป็นของแบรนด์เจ้าสัวท่านใด
- 7-Eleven (70.8%)
- Lotus’s (10.6%)
- Big C Mini (4.5%)
- CJ MORE (4.2%)
- อื่นๆ รวมกัน (9.9%)
การสร้างจุดยืนทางการตลาดที่แตกต่างกันของแต่ละแบรนด์ กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการแข่งขันในตลาดของธุรกิจร้านสะดวกซื้อในเมืองไทย ยกตัวอย่าง 7-Eleven, Lotus´s, Big C mini และ CJ Express, CJ More ขายสินค้าและบริการที่เหมือนกัน มุ่งเน้นลูกค้าระบบสมาชิก กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกัน มักจะเปิดร้านใกล้ๆ กัน
ส่วน Tops Daily และ Lawson 108 เน้นขายสินค้าคุณภาพดี ทำเลส่วนใหญ่จะอยู่ตามแหล่งชุมชนคนมีฐานะขึ้นมาหน่อย อย่างร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 เปิดสาขาในศูนย์การค้าก็มีมาแล้ว
1. 7-Eleven
ก่อนอื่นมาดูสัดส่วนรายได้ในร้าน 7-Eleven แบ่งออกเป็นสินค้าอุปโภค 24% ที่เหลือ 76% เป็นสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม แต่ละสาขาของ 7-Eleven มียอดขายเฉลี่ยต่อวัน 86,656 บาท ยอดซื้อต่อบิล 85 บาท มีจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อวัน 1,007 คน
- บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)
- ตระกูล เจียรวนนท์
- เปิดบริการครั้งแรก ปี 2532 (35 ปี)
- จำนวน 14,545 สาขา
- เวลาทำการ เปิด 24 ชั่วโมง
- รายได้ปี 2566 ประมาณ 429,495 ล้านบาท
- กำไร 15,403 ล้านบาท
- ขายแฟรนไชส์
#รูปแบบที่ 1
- เงินลงทุน 4.8 แสนบาท
- เงินประกัน 1 ล้านบาท
- รวมแล้วต้องมีเงินให้กับทาง 7-Eleven ประมาณ 1.48 ล้านบาท อายุสัญญา 6 ปี
Store Business Partner เข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีเงินเดือน 29,000 บาท ต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้ได้ตามงบ ย้ำว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่ยอดขาย ค่าใช้จ่ายก็มี ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์หลัก และอื่นๆ
ถ้าบริหารร้านได้ตามเป้างบค่าใช้จ่าย จะมีปันผลแบ่งยอดกำไรจากการขายให้ 20-30% ในส่วนที่มียอดขายเกินเป้า
#รูปแบบที่ 2
- เงินลงทุน 1.73 ล้านบาท
- เงินประกัน 9 แสนบาท
- รวมแล้วต้องมีเงินให้กับทาง 7-Eleven = 2.63 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี
ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้ส่วนแบ่งจากกำไร 54% (ยังไม่ได้หักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆ ในร้าน)
การเป็น Store Business Partner ทั้ง 2 รูปแบบ ผู้ลงทุนไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า วัสดุอุปกรณ์ และการก่อสร้างออกแบบตกแต่งร้าน ทางซีพีออลล์เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด รวมถึงค่าเช่า ภาษีป้าย ภาษีที่ดิน และอื่นๆ
2. Lotus´s
- บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)
- ตระกูล เจียรวนนท์
- เปิดบริการครั้งแรก ปี 2536 (31 ปี)
- จำนวน 1,595 สาขา
- เปิดให้บริการ 06.00 -23.00 น.
- รายได้ปี 2566 ประมาณ 250,000 ล้านบาท
- กำไร 7,470 ล้านบาท
- ไม่ขายแฟรนไชส์
3. Big C mini
- บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
- ตระกูล สิริวัฒนภักดี
- เปิดบริการครั้งแรก ปี 2551 (16 ปี)
- จำนวน 1,434 สาขา
- เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
- รายได้ปี 2566 ประมาณ 168,029 ล้านบาท
- กำไร 4,794 ล้านบาท
- ไม่ขายแฟรนไชส์
4. CJ Express
- บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด
- ตระกูล เสถียรธรรมะ
- เปิดบริการครั้งแรก ปี 2548 (19 ปี)
- จำนวน 1,000 สาขา
- เปิดบริการ 06.00 -23.00 น.
- รายได้ปี 2566 ประมาณ 44,000 ล้านบาท
- กำไร 2,600 ล้านบาท
- ไม่ขายแฟรนไชส์
5. Tops Daily
- บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด มินิมาร์เก็ต จำกัด
- ตระกูล จิราธิวัฒน์
- เปิดบริการครั้งแรก ปี 2535 (32 ปี)
- จำนวน 515 สาขา
- เปิดบริการส่วนใหญ่ 24 ชั่วโมง
- รายได้ปี 2566 ประมาณ 9,771 ล้านบาท
- กำไร 248 ล้านบาท
- ขายแฟรนไชส์
FC ประเภทที่ 1
ผู้รับสิทธิ์มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ครอบครองที่ดิน/อาคาร ขนาดมากกว่า 200 ตร.ม. เป็นระยะเวลามากกว่า 9 ปี สนใจที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวเปิดร้าน ท็อปส์ เดลี่
- มีเงินทุนค่าก่อสร้างและอุปกรณ์ ประมาณ 4.60 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่)
- ส่วนแบ่ง 70 % จากกำไรขั้นต้น ยิ่งขายมากยิ่งเติบโต
- การันตรีรายได้ 150,000 บาท ต่อเดือน 1 ปีแรกของสัญญา
FC ประเภทที่ 2
ผู้รับสิทธิ์ไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน/อาคาร แต่สนใจที่จะเข้าสวมสิทธิบริหารร้านค้า ท็อปส์ เดลี่ ที่เปิดอยู่เดิม
- มีเงินทุน 1.07 ล้านบาท
- ส่วนแบ่ง 40 % จากกำไรขั้นต้น ยิ่งขายมากยิ่งเติบโต
- การันตรีรายได้ 60,000 บาท ต่อเดือน 1 ปีแรกของสัญญา
6. Lawson 108
- บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด
- ตระกูล โชควัฒนา
- เปิดบริการครั้งแรก ปี 2556 (11 ปี)
- จำนวน 198 สาขา
- เปิดบริการ 06.00 -23.00 น.
- รายได้ปี 2566 ประมาณ 2,805 ล้านบาท
- กำไร 8.7 ล้านบาท
- ไม่ขายแฟรนไชส์
ร้านสะดวกซื้อแต่ละแบรนด์ มีลักษณะ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร?
1. 7-Eleven
- ลักษณะ: ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง
- สินค้า: อาหารสำเร็จรูป, ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดื่ม, ของใช้ประจำวัน
- บริการ: เติมเงิน, จ่ายบิลต่างๆ, รับส่งพัสดุ, เดลิเวอรี่, สะสมแสตมป์, สแกนจ่าย
- กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป
2. Lotus’s
- ลักษณะ: ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน
- สินค้าที่มี: สินค้าอุปโภคบริโภค, อาหารสด, ของใช้ประจำวัน
- บริการ: โปรโมชั่นพิเศษ, สะสมแต้ม, บริการจัดส่งสินค้า
- กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป
3. Big C Mini
- ลักษณะ: ร้านสะดวกซื้อใกล้ชุมชน
- สินค้า: สินค้าอุปโภคบริโภค, อาหารสำเร็จรูป, ของใช้ประจำวัน
- บริการ: โปรโมชั่น ส่วนลด สะสมแต้ม
- กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชาชนทั่วไป
4. CJ Express
- ลักษณะ: ร้านสะดวกซื้อค้าส่ง-ค้าปลีก
- สินค้า: อาหารสำเร็จรูป, สินค้าอุปโภคบริโภค, เครื่องสำอาง, ของใช้ประจำวัน
- บริการ: จัดโปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษ สะสมแต้ม ขายส่ง-ขายปลีก
- กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า
5. Tops Daily
- ลักษณะ: ร้านสะดวกซื้อใกล้ชุมชน
- สินค้า: สินค้าเกรดพรีเมียม, อาหารสด, อาหารแห้ง, ข้าวกล่อง, ของใช้ในบ้าน
- บริการ: โปรโมชั่น เดลิเวอรี่ เติมเงิน เงินสด บัตรเครดิต บัตรเดบิต
- กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชาชนทั่วไป ผู้ที่มองหาสินค้าคุณภาพ
6. Lawson 108
- ลักษณะ: ร้านสะดวกซื้อพรีเมี่ยมสไตล์ญี่ปุ่น
- สินค้า: อาหารญี่ปุ่น, ขนม, เครื่องดื่ม, ของใช้ทั่วไป
- บริการ: เดลิเวอรี่ สะสมแต้ม โปรโมชั่น
- กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป และคนชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น
สรุป
- 7-Eleven และ CJ Express เน้นความสะดวก รวดเร็ว เน้นบริการลูกค้าระบบสมาชิก
- Lotus’s และ Big C Mini สินค้าและบริการคล้ายๆ กัน
- Lawson 108 และ Tops Daily มุ่งเน้นสินค้าคุณภาพดี
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)