รวม 5 วิธี! เป็นคนรวย ไม่ต้องเล่นหวย! ไม่ต้องเล่นหุ้น!
นิยามโลกสวยบอกว่า “เงินซื้อทุกอย่างในชีวิตไม่ได้” อันนี้ไม่เถียง แต่อย่างน้อยการมีเงินก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น อะไรที่ลำบากๆ ก็สบายมากขึ้น ไม่สบายกายอย่างน้อยก็สบายใจ อะไรแบบนั้น และถ้าเลือกได้ก็เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็อยากจะรวย แต่ปัญหาคือ “ทำยังไง” คำที่ได้ยินมานานคือคนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะหวย หรือหุ้น ก็ใช่ว่าจะทำให้เรารวยได้ง่ายๆ
www.ThaiSMEsCenter.com กลับคิดว่าหลังการแพร่ระบาดCOVID 19 คลี่คลายมากขึ้นคนไทยน่าจะหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำกิน สร้างตัวเองให้รวยแบบไม่รอโชคชะตาให้ถูกหวยหรือรวยจากหุ้น
เล่นหุ้นและหวย โอกาสจะรวยมีแค่ไหน?
การเล่นหุ้นสำคัญคือต้องลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่ เพราะถ้าซื้อหุ้นเล็กๆน้อย ๆ โอกาสจะรวยก็น้อยตามไป และถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้เราจะมีโบรคเกอร์แนะนำให้เล่นหุ้น แต่การจะรวยด้วยหุ้นเพียงเล็กน้อยก็ยังเป็นไปได้ยาก สำหรับสถานการณ์แบบนี้ที่คนไทยมีรายได้แทบไม่พอรายจ่ายการจะให้ไปรวยหุ้นคงเป็นแนวคิดที่สวนทาง ในมุมกลับกัน ความหวังของคนไทยส่วนใหญ่คือ “หวย” ข้อมูลน่าสนใจระบุว่าคนที่มีรายได้สูงกว่า 15,000 บาทต่อเดือน มีการซื้อล็อตเตอรี่และหวยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 680 บาท คิดเป็น 1.2% ของรายได้ ขณะที่ 50% ของมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของธุรกิจ หรือประมาณ 12 ล้านคนก็เล่นหวยเช่นกัน
ศูนย์วิเคราะห์ Customer Insights ยังระบุว่าคนที่เล่นหวยเป็นประจำจะซื้อหวยเฉลี่ยเดือนละ 420 บาท ซึ่งโอกาส ถูกหวยใต้ดิน 2 ตัว และ 3 ตัว ทั้งบนและล่าง มีเพียง 0.4-2% และยิ่งเป็นล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 โอกาสถูกจะเหลือเพียง 0.0001% หรือแค่ “หนึ่งในล้าน” เพราะฉะนั้น โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ ขาดทุน เหมือนที่หลายคนบอกว่าถ้าลองเอาเงินที่ซื้อหวยในแต่ละเดือนมารวมๆ กัน แต่ละปีเราอาจมีเงินเก็บหลายหมื่นบาทหรือบางทีอาจเป็นแสนสำหรับคนที่จัดหนักจัดเต็มในทุกงวดเพื่อหวังรวยทางลัด
ทีนี้ลองกลับมาในโลกของความจริงที่เน้นเรื่องการทำมาหากินเพื่อให้ตัวเองรวยแบบไม่ต้องพึ่งพาหวยหรือหุ้น ซึ่งแน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าการทำมาหากิน ก็ต้องย่อมเหนื่อย ต้องอดทน ความสำเร็จที่ได้ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ แต่ถ้าทำได้วิธีเหล่านี้ทำให้เรารวยได้แบบไม่ต้องเล่นหวย เล่นหุ้น
1.อัพเกรดสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
เมืองไทยมีสินค้าหลักก็คือสินค้าเกษตร คนไทยเองก็มีความสามารถในการเพาะปลูกทั้งข้าว ผลไม้ รวมถึงบรรดาสัตว์เศรษฐกิจทั่วไปอย่างหมู ไก่ เป็ด ปลา เป็นต้น หากว่าเราพอจะมีที่ดินอยู่บ้าง แนะนำว่าอาชีพเกษตรกรก็ไม่ได้น่าเกลียด และรายได้ก็ไม่ได้น้อยนิดเหมือนในอดีต สิ่งสำคัญอยู่ที่การบริหารจัดการว่าในพื้นที่ของเราจะจัดสรรปันส่วนอย่างไร จะทำการตลาดอย่างไร มนุษย์เงินเดือนที่ผันตัวเอาดีด้านเกษตรและกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านก็มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งเราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนเหล่านี้ว่าเขาเริ่มต้นอย่างไร เขามีวิธีอย่างไร เขาทำการตลาดอย่างไร
แต่ด้วยความที่เป็นงานเกษตร อาจต้องตากแดด ตากลม ตัวดำกันบ้าง หลายคนบอกว่าเหนื่อย ร้อน ไม่อยากทำ อยากทำงานสบายๆ อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ แต่ก็มาบ่นว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอรายจ่าย บางทีถ้าอยากรวย สิ่งที่ต้องลงทุนอาจไม่ใช่เงิน แต่คือความคิดที่ต้องเปลี่ยนและลงแรงทำให้มากกว่าพูดด้วย
2.ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ที่ถนัด
ยุคนี้ธุรกิจแฟรนไชส์ถือว่าเฟื่องฟู มีแฟรนไชส์ในเมืองไทยกว่า 578 แบรนด์ แยกย่อยกันไปตามหมวดหมู่ต่างๆ ที่ฮอตฮิตมากๆ ก็สายเครื่องดื่มเช่นร้านกาแฟ ชานมไข่มุก หรือในสายอาหารก็ร้านปิ้งย่าง ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หรือแม้แต่ในสายบริการก็มีทั้งคาร์แคร์ นายหน้าออนไลน์ ร้านสารพัดบริการ หรือสายการศึกษาก็พวกสถาบันความรู้ต่างๆ ที่มีให้เลือกลงทุนกันตามความเหมาะสม
ถามว่าแล้วจะเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์อะไรคือดีที่สุด ถามกลับไปเช่นกันว่าเราถนัดเรื่องอะไร ถ้าตัวเองทุนน้อย ไม่มีประสบการณ์ ทำเลที่ดีก็อาจจะยังไม่มี แนะนำให้ลงทุนกับแฟรนไชส์แบบง่ายๆ จำพวก อาหารหรือเครื่องดื่มที่ลงทุนประมาณ 10,000 -20,000 บาท สะสมประสบการณ์เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจไปพลางๆ ก่อนขยายใหญ่ในอนาคต หรือถ้ามีความพร้อมมากหน่อย อาจจะเลือกในแฟรนไชส์ที่มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น ราคาลงทุนหลัก 100,000 ขึ้นไป ก็จะได้แฟรนไชส์ที่ดูเป็นธุรกิจมั่นคงมากขึ้น รวยเร็วรวยช้าขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเป็นสำคัญ
3.สร้างแบรนด์สินค้าตัวเอง
ปัจจุบันธุรกิจ OEM หลายแห่งเปิดโอกาสให้คนสนใจได้มีสินค้าเป็นของตัวเอง บางแห่งมีทั้งแผนกวิจัย แผนกพัฒนาแพคเกจจิ้ง แผนกส่งเสริมการตลาด สิ่งที่เราควรจะทำถ้าสนใจเรื่องนี้คือ มองหาสินค้าที่ตลาดต้องการแต่ยังไม่มีคนทำและลองเอาแนวคิดนี้ไปคุยกับทาง OEM ที่เขาพร้อมที่จะช่วยพัฒนาและต่อยอดหากเป็นไอเดียที่บรรเจิดและแปลกใหม่
บางทีเราอาจไม่ต้องใช้เงินทุนตัวเองด้วยซ้ำ อาจเป็นในรูปแบบของความร่วมมือและการเป็นหุ้นส่วนกัน ซึ่งการลงทุนสร้างแบรนด์ของตัวเองเดี๋ยวนี้มีเงิน สัก 5,000 ก็มีสินค้าของตัวเองได้ แต่การต่อยอดหลังจากนี้คือการตลาดที่ต้องโปรโมทสินค้าใหม่นี้ให้เป็นที่รู้จัก เรื่องของการตลาดหากยังไม่มีความชำนาญสามารถศึกษาได้จากคอร์สเรียน หรือสอบถามจากคนที่มีประสบการณ์โดยตรงก็ได้
4.ธุรกิจขายส่งสินค้า
อย่าไปคิดว่านี่คือธุรกิจที่คู่แข่งเยอะแยะ ยิ่งมีตลาดออนไลน์คนจะต้องมาซื้อสินค้าขายส่งของฉันทำไม หากมองในแง่ลบ ธุรกิจนี้จะเกิดไม่ได้เด็ดขาด ยกตัวอย่างของแม่ค้าขายส่งรายหนึ่งที่ขายส่งชุดชั้นในผู้หญิง เป็นพวก Underwear ทั้งหลาย จุดเริ่มเขามีแค่เงินลงทุนที่กู้ยืมมา 2,000 เอามาซื้อสินค้าจากแหล่งชายส่ง เริ่มต้นจากการวางขายตลาดนัด และเมื่อเริ่มมีทุนมากขึ้น ซื้อสินค้ามาตุนมากขึ้น
ทีนี้ก็จัดโปรและโฆษณาขายสินค้าแบบขายส่งทางออนไลน์ ปรากฏว่ามีคนสนใจและทำให้ธุรกิจนี้เติบโตจนมีรายได้หลักล้าน ซึ่งเราอาจไม่จำเป็นต้องขาย Underwear เหมือนที่เรายกตัวอย่างไป แต่จะบอกว่าธุรกิจนี้ยังมีการเติบโตได้ เพียงแค่มุ่งมั่นและตั้งใจทำจริง อย่ายอมแพ้และขี้เกียจไปซะก่อน
5.นายหน้าอสังหาริมทรัพย์
นี่คือการลงทุนที่ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรเลย หลายคนอาจจะบอกว่าไม่เสี่ยงก็จริงแต่โอกาสจะขายได้มันก็น้อยมาก ไม่ว่าจะที่ดิน บ้าน คอนโด แม้ค่านายหน้าที่ได้คือร้อยละ 3 จากมูลค่าสินทรัพย์จะเป็นตัวดึงดูดเช่นสินทรัพย์ราคา 1,000,000 บาท ค่านายหน้าได้ 30,000 บาท
ซึ่งจำนวนนี้อาจจะต้องมาหารให้กับทีมงานที่ทำร่วมกัน แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันมีคอร์สสอนการเป็นนายหน้าและอาชีพนี้ไม่จำเป็นต้องแยกมาทำอิสระอาจทำคู่ไปกับงานประจำเพียงแค่บริหารจัดการเวลาให้ดี โอกาสที่จะสร้างรายได้เพิ่มก็มีมาก หากโชคดีจังหวะดี อาจขายสินทรัพย์ที่มูลค่าสูงๆได้ ค่านายหน้าที่ได้ก็จะเป็นทุนให้เราใช้ต่อไปได้สบายๆเช่นกัน
อย่างไรก็ดีต่อให้พยายามแยกแยะว่าอะไรที่ดีกว่าการเล่นหุ้น เล่นหวย แต่สุดท้ายแล้วเรื่องหุ้น เรื่องหวยก็ยังอยู่ในสายเลือกคนไทยที่นิยมการเสี่ยงโชค และเลือกมองว่า ซื้อทิ้งๆ ไว้ถูกก็ถูก ไม่ถูกก็ซื้อใหม่ หรือบางคนไม่เลือกเล่นหวย แต่เอาเงินที่มีไปซื้อกองทุนสำหรับความมั่นคงในอนาคต ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเงินส่วนนี้อย่างน้อยก็ไม่หายไปและในอนาคตก็การันตีได้ว่าเรามีเงินใช้ไม่ลำบากแน่นอน
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3EO8F39
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)