รวม 10 ขนมชื่อแปลก! น่ากิน น่าทำขาย สร้างอาชีพได้
ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบและอาหารที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมนูท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด ล้วนมีเสน่ห์ในตัวเองอย่างมาก แม้แต่การทำขนมก็ยังมี ขนมชื่อแปลก
และ www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่ามีขนมหลายอย่างที่คนไทยอาจจะเคยกิน แต่ไม่เคยรู้จักชื่อ หรือบางทีก็ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งขนมเหล่านี้ถ้าเราเอามาต่อยอดทำขายเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้กับเราได้เป็นอย่างดี
1.ขนมปังแลบลิ้น
ภาพจาก facebook.com/krutoybakeryfactory/
เป็นเกเกอรี่สมัยใหม่ เจ้าของสูตรคือครูต้อยเบเกอรี่ที่ได้จดทะเบียนเมนูนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อย ที่มาของชื่อปังแลบลิ้น ถูกตั้งชื่อจากกลุ่มลูกค้าของครูต้อยที่ชื่มชมในรสชาติ บอกกันปากต่อปาก เป็นสูตรขนมลับเฉพาะของครูต้อยเบเกอรี่ที่ใครๆก็ไม่อาจลอกเลียนแบบได้ รูปร่างของ ขนมปังแลบลิ้น คือเบเกอรี่ก้อนพอดีคำ หนาหนุ่ม มีหลากหลายไส้ให้เลือกรับประทาน โดยจุดเด่นคือไส้จะล้นออกมาลักษณะเหมือนคนแลบลิ้น และกลายเป็นจุดเด่นและเครื่องหมายการค้าที่ทำให้ขนมปังแลบลิ้นขายดีมากๆ
2.ขนมกล่องไม้ขีด
ภาพจาก https://bit.ly/2XvugKO
ขนมกล่องไม้ขีดจะคล้ายกับขนมไข่ มีลักษณะคล้ายและเท่ากล่องไม้ขีด ทำจากแป้งสาลีผสมกับไข่แดงและนม ตีแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน และไส้ของขนมกล่องไม้ขีดมีหลากหลายเช่น ไส้ถั่วแดง เผือก ปูดอัด ไส้กรอก และไส้ข้าวโพด มีขั้นตอนอบจากเตาอบที่เป็นแม่พิมพ์ โดยหยอดแป้งที่เตรียมไว้ให้ครบทุกช่องและนำไส้แต่ละชนิดใส่ตามลงไป และเทแป้งปิดทับจนเต็มแบบพิมพ์ปิดฝาอบใช้เวลาอบประมาณ 8 นาที จะได้ขนมกล่องไม้ขีดออกมาร้อนๆหอม อร่อย หวานมันกำลังพอดี เหมาะสำหรับไว้เป็นขนมรับประทานเล่น หรือจะรับประทานกับกาแฟก็ได้
3.ขนมบ้า
ภาพจาก https://bit.ly/3hzKwBs
เป็นขนมประจำประเพณีสารทเดือนสิบ ซึ่งนอกจากขนมบ้าก็ยังมีอื่นอีกเช่น ขนมพอง , ขนมลา , ขนมดีซำ , ขนมกง เป็นต้น โดยขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทนลูกสะบ้า สำหรับใช้เป็นของเล่นต้อนรับสงกรานต์ เพราะขนมบ้ามีรูปทรงคล้ายลูกสะบ้า การละเล่นที่นิยมมากในสมัยก่อน วิธีทำขนมบ้าก็ไม่ยาก เริ่มจากการนึ่งมันเทศให้สุก แล้วบดให้ละเอียด จากนั้นนำมันเทศมานวดกับแป้ง ใส่น้ำตาล เกลือ ไข่ไก่ ลงในแป้ง แล้วนวดให้เข้ากันดี นำแป้งที่ได้มาปั้นเป็นก้อนกลมแล้วกดให้ตรงกลางแบนๆ เอาไปคลุกกับงาขาว ต่อจากนั้นนำไปทอดในน้ำมัน ก็สามารถรับประทานได้
4.ข้าวแดกงา
ภาพจาก www.facebook.com/kanomthai2sapai
ข้าวแดกงา เป็นชื่อขนมที่เรียกตามภาษาท้องถิ่นของจังหวัดน่าน บางจังหวัดก็เรียกว่าข้าวหนุกงา (หนุกแปลว่าคลุกหรือนวด” เกิดจากการนำข้าวเหนียวที่สุกแล้วมาตำกับงาดำคั่วจนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย บางทีก็นำไปปิ้ง ไปทอด เพื่อให้เก็บรักษาได้นานขึ้น คนสมัยก่อนมักจะพกติดตัวเวลาออกไปทำงานเพราะกินง่ายและอยู่ท้อง ซึ่ง ข้าวแดกงา สามารถนำไปกินกับอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นนมข้นหวาน หรือ น้ำผึ้ง นอกจากรสชาติอร่อยยังมีประโยชน์จากงาดำด้วย
5.ขนมยี่ป้า
ภาพจาก https://bit.ly/3k9Km5x
เป็นขนมที่หากินได้ในจังหวัดภูเก็ต พังงา แต่เดิมเรียกว่า “ขนมหมั่วจี๋” เป็นขนมของชาวฮกเกี้ยน นำมาต่อยอดและพัฒนาจนกลายเป็นขนมขึ้นชื่อในจังหวัดแถบอันดามัน ลักษณะเป็นขนมที่แป้งบางเหนียวนุ่มเหมือนโมจิ มีไส้มะพร้าวผสมกับงาขาว งาดำ ถั่วลิสงและน้ำตาล ซึ่งมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากสามารถฝึกทำได้กัน แต่รรับรองเรื่องรสชาติว่าอร่อยถูกใจ ใครที่เปิดร้านเบเกอรี่จะลองฝึกทำเมนูนี้ดูบ้างก็ได้
6.ขนมขี้หมา
ภาพจาก https://bit.ly/3k9bd1s
แม้ว่าชื่อจะฟังดูไม่น่ากินสักเท่าไหร่แต่ขนมขี้หมาก็ถือเป็นขนมท้องถิ่นของภาคใต้ บางท้องที่เรียกว่า “ขนมดู” มีให้ชิมได้ในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ฯลฯ เป็นขนมที่ทำในงานบวชงานบุญหรือหาได้ในตลาดท้องถิ่น ส่วนผสมของขนมนั้นมีไม่กี่อย่าง คือข้าวสารเหนียวผสมข้าวสารไรซ์เบอร์รี่นำมาคั่วในกระทะจนหอมแล้วนำไปบดในโม่หินจนละเอียดป่นเป็นแป้ง แบ่งแป้งที่บดนั้นมาผสมน้ำตาลกับมะพร้าวที่ผัดกับน้ำตาลจนเหนียวปั้นเป็นก้อน แล้วคลุกกับผงแป้งที่บดไว้จนทั่ว ก็ได้ขนมขี้หมาไว้กินเล่น
7.ขนมหญ้าตดหมา
ภาพจาก https://bit.ly/2Z08Zth
อาจจะเป็นขนมที่ชื่อฟังดูแล้วไม่อยากจะกิน แต่แท้ที่จริงแล้วขนมหญ้าตดหมานี้ตั้งชื่อตามวัตถุดิบของท้องถิ่นในแถบภาคเหนือและอีสาน ก็คือ “หญ้าตดหมา” โดยเป็นไม้เลื้อยล้มลุก ลำต้นขนาดเล็ก ใบมียางสีขาว เมื่อเด็ดขยี้จะมีกลิ่นเหม็น แต่ส่วนที่จะเอามาทำขนมคือผลหรือยอดของต้นหญ้าตดหมา ที่นำมาตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำผสมกับแป้งข้าวเหนียว ข้าวจ้าว น้ำตาลทราย เกลือป่นและมะพร้าวขูด เมื่อนวดรวมกันได้ที่นำมาห่อใบตองแล้วนำไปนึ่งจนสุกได้ที่ จะได้ขนมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ หวานมันจากมะพร้าวและน้ำตาล ถือเป็นขนมพื้นบ้านที่น่าสนใจและหลายคนไม่รู้จัก
8.ขนมโค
ภาพจาก https://bit.ly/3nwdOVv
ชื่อว่าขนมโคแต่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบจากเนื้อโคแต่อย่างใด ถือเป็นขนมท้องถิ่นทางภาคใต้ หน้าตาคล้ายขนมต้มแต่ต่างกันที่ขนมโคจะใส่น้ำตาลโตนด ส่วนแป้งจะใส่สีหรือไม่ใส่ก็ได้ ปั้นก้อนกลมพอดีคำ คลุกมะพร้าวขูด รสชาติจะหวานๆ เค็มๆ มันๆ วัตถุดิบสำคัญคือแป้งข้าวเหนียว , เผือกหอมนึ่ง หรือจะเป็นหัวมันหรือฟักทองก็ได้ , มะพร้าวขูด , น้ำตาลโตนด ซึ่งขนมโคไม่ได้มีสัดส่วนการตวงวัตถุดิบแบบพิถีพิถัน ขึ้นอยู่กับปริมาณว่าเราอยากทำมากหรือน้อย
9.ขนมกนน้ำอ้อย
ภาพจาก https://bit.ly/3Af6HUL
เป็นขนมท้องถิ่นของภาคเหนือ โดยขนมกนน้ำอ้อย หรือ เข้าหนมกนน้ำอ้อย (กน ภาษาเหนือคือ การคนหรือกวน ให้เข้ากัน มีส่วนผสมหลักคือ น้ำอ้อย มะพร้าวขูด และน้ำใบเตย เพื่อเพิ่มรสชาติให้มีความหวานมันและกลิ่นหอม เคล็ดลับในการทำคือต้องกวนตลอดเวลา และกวนไปในทิศทางเดียวกันตลอด เพื่อไม่ให้แป้งติดภาชนะและใช้ไฟอ่อน เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อน
10.ขนมจ็อก
ภาพจาก https://bit.ly/3ke1Bmm
เป็นชื่อขนมทางภาคเหนือ โดยขนมจ็อก หรือ ขนมเทียน บางแห่งเรียกว่า ขนมนมสาว เป็นขนมที่นิยมทำ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มาแต่โบราณ และงานบุญต่างๆ บางสูตรใส่ถั่วลิสงป่น หรืองาขี้ม้อน ลงในไส้มะพร้าว หรือไส้ถั่วเขียว โดยเอาถั่วเขียวนึ่งแล้วบด นำมาผสมหรือผัดกับเครื่องปรุง มีรสเค็มนำเรียกว่า ไส้เค็ม ปัจจุบัน มีการทำไส้ขนมจ็อกหลากหลาย เช่น ไส้ถั่วเขียว ไส้ถั่วแดง เป็นต้น มีเคล็ดลับในการทำที่น่าสนใจคืออาจจะผสมแป้งข้าวจ้าวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เหนียวเกินไป และอาจใส่น้ำอ้อยลงในแป้ง เพื่อให้แป้งมีรสหวานมากขึ้น
ขนมชื่อแปลกเหล่านี้ไม่ใช่สินค้าใหม่แต่เป็นขนมที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และเราเชื่อว่ายังมีขนมอีกหลายอย่างที่ชื่ออาจแปลกและรสชาติอร่อย ซึ่งก็ถือเป็นเสน่ห์ของขนมไทยที่หากเราดึงเอาจุดเด่นนี้มาต่อยอดขาย จะมีความน่าสนใจเช่นอาจเปิดร้านขายขนมชื่อแปลก เพิ่มช่องทางขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ อาจสร้างรายได้ที่ดีเกินคาดให้กับเราได้
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3E8A39M , https://bit.ly/3k5afmX , https://bit.ly/3AbPk7m , https://bit.ly/3EdFN1W , https://bit.ly/3E4fifk , https://bit.ly/3C3kOgw , https://bit.ly/396Hhww , https://bit.ly/3z5Hkn5 , https://bit.ly/3hsBV3l , https://bit.ly/392fPjS
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3zgBe3h