มาดู! 6 กลยุทธ์เพิ่มผู้ติดตามบน Social Media
ในการดำเนินการทางธุรกิจนั้น ไม่ใช่แค่การพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการเท่านั้นที่มีความสำคัญ แต่การโปรโมทเพื่อให้มีคนได้เห็นผลิตภัณฑ์นั้นมากๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันสำหรับการสร้างฐานลูกค้า ยอดขาย สร้างชื่อเสียงภาพลักษณ์แก่ธุรกิจนั้นๆ
แต่ว่าการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้าฐานลูกค้านั้นบางทีมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีแบบแผน มีขั้นตอน และมีกลยุทธ์กันอยู่ซักหน่อย และในบทความนี้จึงจะขอนำเสนอ 6 กลยุทธ์เพิ่มผู้ติดตามบน Social Media สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มผู้ติดตามและขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นมาฝากกันค่ะ
1. ตั้งเป้าหมาย
ภาพจาก pixabay.com
อันที่จริงมันง่ายกว่ามากถ้าจะจมจ่อมอยู่กับคอนเท้นต์ที่คุณต้องการจะโพสน์มากกว่าสนใจเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ควรจะฉุกคิดซักนิด และลองกลับมาตั้งคำถามว่า คอนเท้นต์ หรือเป้าหมายของคุณนั้นมีความเฉพาะเจาะจง , วัดค่าได้ , ทำได้จริง มีความสอดคล้องตรงประเด็น และท่วงทันต่อเหตุการณ์หรือไม่
โดยการกำหนดเป้าหมายแบบนี้เรียกว่าการกำหนดเป้าหมายแบบ “SMART” (Specific : มีความเจาะจง , Measurable : วัดผลได้ , Achievable : วัดผลได้ , Relevant : สอดคล้องตรงประเด็น, Time-bound or Timely :ท่วงทันต่อเหตุการณ์.) ซึ่งการกำหนดเป้าหมายแบบ SMART นี้ก็เป็นวิธีที่มีแบบแผนและจะทำให้การเพิ่มยอดผู้ติดตามนั้นสามารถทำได้โดยง่าย
ตัวอย่างเช่น ตั้งเป้าหมายไว้ที่การเพิ่มผู้ติดตามใน Instagram ให้ได้ 50 คนขึ้นไปภายใน 1 เดือน เป้าหมายนี้ถือว่ามีความเจาะจงเพราะมีการกำหนดขอบเขตที่แน่นอน มีการวัดผลสัมฤทธิ์ด้วยการวัดว่ามีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายหรือไม่ภายในเวลาที่กำหนด และการพิจารณาสถิติยอดผู้ติดตามในก่อนหน้านี้ก็ทำให้รู้ได้ว่าเป้าหมายในเดือนนี้จะสามารถทำได้จริงหรือไม่ เป็นต้น
2. ตรวจวัดการมีส่วนร่วม
ภาพจาก pixabay.com
ช่องทางโซเชียลมีเดียสามารถใช้เพื่อความบันเทิง , ใช้เพื่อแจ้งข่าวหรือเผยแพร่ข่าวสาร แต่บทบาทที่สำคัญอย่างหนึ่งของโซเชียลมีเดียในทางธุรกิจก็คือการเป็นพื้นที่ที่ธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายจะสามารถเข้าหากันได้
นั่นหมายความว่า ธุรกิจควรสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย (ผ่านช่องทางดังกล่าวนี้) ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่าช่องทางของธุรกิจนั้นๆ ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ แต่ยังต้องมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ โต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมายด้วย
นอกเหนือไปจาก อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ช่องทางโซเชียลมีเดียนั้นมีพลังและมีประโยชน์มากก็คือมันสามารถวัดผลการสื่อสารนั้นๆ ได้ โดยมันจะช่วยให้คุณเห็นว่าอะไรที่ได้ผล และอะไรที่ไม่ได้ผล นั่นจะทำให้คุณสามารถจัดการคอนเท้นต์หรือจัดการการโต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมายและอาจทำให้ผู้ติดตามของคุณมีมากขึ้นอีกด้วย
3. จับมือกับเหล่า Influencer
ภาพจาก bit.ly/31XBMuj
วิธีที่ดีอีกทางหนึ่งที่จะทำให้คอนเท้นต์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างมากขึ้นและมีความสดใหม่มากขึ้น ก็คือการร่วมมือกับเหล่า Influencer ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นๆ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางและความงามก็อาจให้เหล่า Beauty Blogger ที่ปกติทำคอนเท้นต์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมารีวิวสินค้า โดยวิธีนี้จะทำให้ธุรกิจอาจได้ยอดผู้ติดตามมากยิ่งขึ้นจากเหล่าผู้ติดตามของ Influencer รายนั้นๆ
4. ช่องทางที่แตกต่าง ก็ใช้เนื้อหาที่แตกต่าง
ภาพจาก pixabay.com
ถึงแม้ว่ามันคุณจะมีหลายช่องทางที่สามารถใช้คอนเท้นต์ร่วมกันได้ แต่เนื้อหาของบางคอนเท้นต์ก็เหมาะที่จะอยู่ในช่องทางที่เฉพาะเจาะจง ไม่ได้ทำมาเพื่อให้เหมาะสมกับทุกช่องทาง Facebook เหมาะสำหรับการโพสน์คอนเท้นต์ที่มีเนื้อหาค่อนข้างยาว แต่ในขณะเดียวกันมันก็สามารถโพสน์รูปเพื่อให้ผู้รับสารของคุณได้มีส่วนร่วมโดยการกดไลค์ หรือคอมเม้นต์ ส่วนทวิตเตอร์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการที่จะสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
อันที่จริงในแทบทุกช่องทางบนสื่อสังคมออนไลน์ก็มีช่องทาง direct messaging ให้กลุ่มเป้าหมายสามารถติดต่อกับทางแบรนด์โดยตรงอยู่แล้ว แต่สำหรับทวิตเตอร์นั้นเป็นช่องทางที่ทั้งทางแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายสามารถโต้ตอบกันได้อย่างเปิดเผยเพียงทวิตเตอร์ข้อความและติด Mention ถึงกัน
ทำให้การโต้ตอบมีความเป็นสาธารณะมากขึ้น และ Instagram ก็เป็นช่องทางที่เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับการโพสน์รูป หรือวีดีโอสั้นๆ ซึ่งเนื้อหาที่ดีที่สุดจะเอาลง Instagram นั้นก็คือเนื้อหาที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้สึกเหมือนต้องการอะไรบางอย่าง การทำความเข้าใจว่าช่องทางไหน เหมาะสมกับเนื้อหาแบบใด ก็จะทำให้ธุรกิจนั้นๆ มียอดผู้ติดตามมากขึ้นในทุกๆ ช่องทางที่ธุรกิจนั้นใช้
5. กำหนดการณ์ของคอนเท้นต์
ภาพจาก pixabay.com
มันมีอยู่หลายวิธีเลยที่จะกำหนดตารางเวลาในการเผยแพร่เนื้อหาคอนเท้นต์ โดยการจัดคิวในการเผยแพร่เนื้อหาไม่เพียงแต่จะทำให้ประหยัดเวลาในการทำงานแล้ว
ยังทำให้เราสามารถจัดเรียงคอนเท้นต์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกันได้อีกด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้ช่องทางการสื่อสารของคุณมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจและสามารถเพิ่มผู้ติดตามรายใหม่ๆได้อีกด้วย
6. ใส่ใจในส่วนของ “โฆษณาทางโซเชียลมีเดีย”
ภาพจาก bit.ly/2qVYNkx
ในข้อสุดท้ายนี้สิ่งจะพูดถึงก็คือ “โซเชียลมีเดีย” ซึ่งเป็นช่องทางที่นับว่ามีค่ามากสำหรับการทำการเสียเงินซื้อโฆษณาในยุคปัจจุบันนี้ โดยการโฆษณาผ่านช่องทางดังกล่าวคุณจะสามารถกำหนดได้ว่าคุณจะให้กลุ่มเป้าหมายใดเห็นโฆษณาคุณ อีกทั้งคุณยังสามารถเช็คได้ว่ามีคนเข้าถึง หรือมีส่วนร่วมกับโฆษณาตัวนั้นมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้เมื่อทำการโฆษณาออกไปแล้วก็ควรตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอว่ามันช่วยให้ผู้ติดตามบน Social Media ของคุณนั้นเพิ่มขึ้นหรือไม่ และเพื่อให้การโฆษณานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราขอแนะนำให้ใช้สูตร “80/20” โดยให้ 80% ของคอนเท้นต์นั้นเนื้อที่เนื้อเรื่องและการให้คุณค่า ส่วนอีก 20% เน้นที่การส่งเสริมการขาย เพื่อให้ผู้ชมไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดการขายมากเกินไปนั่นเอง
ทั้ง 6 ข้อนี้ถือเป็นกลยุทธ์ กลวิธีสำหรับธุรกิจหรือผู้ประกอบการในการใช้ Social Media ในการเพิ่มผู้ติดตาม ซึ่งยอดผู้ติดตามบน Social Media นั้นถือว่าเป้นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆ ในการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง คนรู้จักเยอะ มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งด้วยความน่าเชื่อถือนี้จะทำให้กลุ่มลูกค้ามีความสนใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจนั้นๆ มากขึ้น และเมื่อธุรกิจนั้นๆ มีฐานลูกค้ามากขึ้นก็จะทำให้ธุรกิจสามารถทำกำไรได้มากขึ้นอีกด้วย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2E885O9
แหล่งที่มา https://bit.ly/32Ujziu