ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท? : คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ใช้รถ EV

สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์แล้ว การมาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้เปลี่ยนแปลงวิถีของการขับขี่ไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องของนวัตกรรมที่ถูกนำมาใช้และระบบต่างๆ ภายในตัวรถ รวมถึงหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้รถ EV จะต้องทำความเข้าใจเมื่อเลือกที่จะใช้รถ EV ก็คือ ระบบการชาร์จไฟ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประเภทของที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างละเอียด พร้อมข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ เพื่อให้คุณเลือกใช้และติดตั้งที่ชาร์จได้อย่างเหมาะสมในอนาคต

ประเภทของที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

โดยทั่วไปแล้ว การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

1. การชาร์จกระแสสลับ (AC Charging): ซึ่งจะเป็นการชาร์จโดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับจากระบบไฟฟ้าทั่วไป เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน หรือตามห้างสรรพสินค้า มักใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าการชาร์จแบบ DC

2. การชาร์จกระแสตรง (DC Charging): เป็นการชาร์จโดยใช้ไฟฟ้ากระแสตรง ซึ่งแปลงจาก AC เป็น DC ก่อนส่งไปยังแบตเตอรี่ ทำให้ชาร์จได้เร็วกว่า AC มาก เหมาะสำหรับสถานีชาร์จสาธารณะริมทาง หรือจุดพักรถระหว่างการเดินทางไกล

ประเภทของหัวชาร์จตามมาตรฐานได้ดังนี้

นอกจากระบบการชาร์จรถยนต์ สิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ EV ควรรู้ไว้อีกหนึ่งเรื่องก็คือ ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังมาพร้อมกับหัวชาร์จหลากหลายประเภท ซึ่งในแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติดังนี้

  • Type 1: เป็นหัวชาร์จ AC แบบเฟสเดียว (Single-Phase) นิยมใช้ในอเมริกาและญี่ปุ่น รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 7.4 kW
  • Type 2: เป็นหัวชาร์จ AC แบบสามเฟส (Three-Phase) นิยมใช้ในยุโรป รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 43 kW เป็นที่นิยมในประเทศไทย
  • CHAdeMO: เป็นหัวชาร์จ DC ที่พัฒนาโดยญี่ปุ่น รองรับกำลังไฟได้สูงถึง 400 kW นิยมใช้ในรถยนต์ญี่ปุ่นบางรุ่น
  • CCS (Combined Charging System): เป็นหัวชาร์จ DC ที่รวมเอาช่องชาร์จ AC Type 1 หรือ Type 2 เข้ากับช่องชาร์จ DC ในหัวเดียว ทำให้รองรับการชาร์จทั้ง AC และ DC เป็นที่นิยมในรถยนต์ยุโรปและอเมริกา

รายละเอียดของที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท

1. การชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charging)

  • ประเภท: AC Charging
  • หัวชาร์จ: Type 1 หรือ Type 2
  • กำลังไฟ: 3.7 kW – 7.4 kW (Single-Phase), สูงสุด 43 kW (Three-Phase)
  • เวลาในการชาร์จ: นานที่สุด ใช้เวลาหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่และกำลังไฟของที่ชาร์จ
  • เหมาะสำหรับ: การชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงานในเวลากลางคืน หรือจอดรถเป็นเวลานาน

2. การชาร์จแบบเร็ว (Fast Charging)

  • ประเภท: DC Charging
  • หัวชาร์จ: CHAdeMO หรือ CCS
  • กำลังไฟ: 50 kW – 350 kW หรือมากกว่า
  • เวลาในการชาร์จ: เร็วกว่า AC มาก สามารถชาร์จไฟได้ 80% ในเวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับกำลังไฟของที่ชาร์จและขนาดแบตเตอรี่
  • เหมาะสำหรับ: การเดินทางไกล สถานีชาร์จสาธารณะ หรือเมื่อต้องการชาร์จไฟอย่างเร่งด่วน

3. Wallbox

  • ประเภท: AC Charging (มักใช้ Type 2)
  • ลักษณะ: อุปกรณ์ชาร์จติดผนัง ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในบ้านหรือที่ทำงาน
  • กำลังไฟ: มีให้เลือกหลากหลาย มักอยู่ระหว่าง 3.7 kW – 22 kW
  • ข้อดี: ติดตั้งง่าย สะดวก ปลอดภัย และมีฟังก์ชันเสริม เช่น การตั้งเวลาชาร์จ การตรวจสอบการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความสะดวกและปลอดภัยในการชาร์จรถ EV ที่บ้าน

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

  • กำลังไฟของที่ชาร์จ: ยิ่งกำลังไฟสูง ยิ่งชาร์จได้เร็ว แต่ต้องตรวจสอบว่ารถยนต์ของเรารองรับกำลังไฟได้สูงสุดเท่าใด
  • ขนาดแบตเตอรี่: แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้เวลาชาร์จนานกว่าแบตเตอรี่ขนาดเล็ก
  • แรงดันไฟฟ้าของระบบไฟฟ้า: ระบบไฟฟ้าในบ้านส่วนใหญ่เป็นแบบเฟสเดียว แต่บางบ้านอาจมีระบบสามเฟส ซึ่งรองรับกำลังไฟที่สูงกว่า
  • ค่าไฟฟ้า: ค่าไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ EV ขึ้นอยู่กับอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้า และปริมาณไฟฟ้าที่ใช้
  • ความปลอดภัย: ควรเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จที่มีมาตรฐานและติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

สำหรับผู้ที่กำลังสนใจเลือกรถ EV มาใช้ขับขี่ นอกจากประสิทธิภาพด้านการใช้งานแล้ว การทำความเข้าใจประเภทของที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถเลือกใช้ที่ชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย แต่ทั้งนี้ หากใครที่ต้องการติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่บ้าน ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำในการเลือกซื้อและติดตั้ง ทั้งเพื่อให้เหมาะกับรถและการใช้ชีวิตของคุณ

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต