ตลาดเดือด! สมูทตี้สุขภาพ ใครจะรอด

ข้อมูลน่าสนใจที่เราควรทราบคือ คนไทย 1 ใน 4 ให้ความสำคัญกับการควบคุมอาหาร และคนไทยกว่า 65% ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหาร-เครื่องดื่มที่ต้องเน้นเรื่องสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีถึง 41% ที่ใส่ใจในเรื่องเรื่องฉลากโภชนาการบนสินค้า เมื่อจะซื้อสินค้าหรือบริการ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง “เทรนด์สุขภาพ” ที่เติบโตได้อย่างชัดเจน

ถ้ามองในภาพรวมมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพปี 2567 คาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 34,000 ล้านบาท ที่สำคัญมองในเรื่องของคู่แข่งตอนนี้ถือว่ายังน้อยมาก แสดงว่านี่คืออีกธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนยุคนี้ แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เพราะคีย์เวิร์ดของธุรกิจนี้เน้นที่ “สุขภาพ” ดังนั้นเรื่อง “คุณภาพ” จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

สมูทตี้สุขภาพ

ภาพจาก www.facebook.com/erewhonmarket

ดูในต่างประเทศ “Erewhon” คือซูเปอร์มาร์เก็ตทางเลือกเพื่อสุขภาพ เจ้าแรกในสหรัฐอเมริกา ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้อย่างมาก ปัจจุบันมีสาขากว่า 10 แห่ง อยู่ในเมืองดังต่าง ๆ ของรัฐ California เช่น Beverly Hills, Calabasas หรือ West Hollywood เป็นต้น

จุดขายของ Erewhon คือวางตำแหน่งแบรนด์ เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายสินค้าราคาสูง เพราะมั่นใจว่าแบรนด์เน้นขายสินค้าที่มีคุณภาพ และมีความแตกต่างจากซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเครื่องดื่มสมูทตี้ของที่นี่ราคาต่อแก้วถ้าคิดเป็นเงินไทยก็เริ่มตั้งแต่ 600 – 1,000 บาท หรือพวกผักสดผลไม้ใน Erewhon ก็ราคาสูงกว่าที่อื่น 4-5 เท่า

สมูทตี้สุขภาพ

ภาพจาก www.facebook.com/erewhonmarket

เหตุผลที่ขายแพงแต่ขายดีก็ง่ายๆ เพราะลูกค้ามั่นใจใน “คุณภาพสินค้า” ไล่ตั้งแต่กระบวนการผลิต การบอกแหล่งที่มา หรือแม้แต่ใบประกาศนียบัตรที่รับรองคุณภาพสินค้าอย่าง Certified Organic Retailer และ Certified B Corp ก็มีให้เห็นครบถ้วน

สอดคล้องกับข้อมูลน่าสนใจอีกว่าคนที่อาศัยอยู่ในรัฐ California ติดอันดับสุขภาพดีที่สุด เนื่องจากมีอัตราการกินอาหารดีสูงถึง 62.4% รวมถึงมีจำนวนสถานที่ออกกำลังกายและสถานที่ด้านการดูแลสุขภาพเยอะกว่ารัฐอื่นๆ

สมูทตี้สุขภาพ

ภาพจาก www.facebook.com/plantiful.bkk

กลับมาดูตลาดเครื่องดื่มสุขภาพของเมืองไทย หลายแบรนด์ก็เลือกตามรอยของ Erewhon ยกตัวอย่าง Plantiful คาเฟ่ออแกนิก ที่มีคอนเซปต์คือ “Eat Right. Eat with Purpose” โดยเมนูเกือบทั้งหมดเป็นสไตล์แพลนต์เบส (Plant-based) ทำจากวัตถุดิบที่ดีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ปราศจากคอเรสเตอรอล แคลอรีต่ำ ในกลุ่มเครื่องดื่มสมูทตี้ราคาประมาณ 150-240 บาท เน้นเลือกทำเลอยู่ในย่านหรูที่มีกำลังซื้อสูงอย่างสุขุมวิท 61 หรือในเกสรอัมรินทร์

สมูทตี้สุขภาพ

ภาพจาก FB : Ohjuice.thailand

หรืออีกแบรนด์ที่น่าสนใจคือ Oh! Juice ในเครือเดียวกับ โอ้กะจู๋ ที่เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 2 ชูจุดเด่นอร่อยได้ประโยชน์ ไม่เติมน้ำตาล ใช้วัตถุดิบพรีเมียม เรตราคาเครื่องดื่ม 85 – 270 บาท เน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เช่นกัน

และก็ยังมีแบรนดังอย่าง Boost จากออสเตรเลียที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถขยายสาขาไปแล้วกว่า 580 แห่ง ใน 14 ประเทศ หรืออีกแบรนด์คือ ลูกก๊อ ที่มีเรตราคาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเฉลี่ย 65 – 185 บาท มีหลายสาขาเช่นที่เซ็นทรัลเวิลด์ , เซ็นทรัลลาดพร้าว , เดอะมอลล์บางแค เป็นต้น

แต่หลายคนอาจสงสัยว่าในยุคนี้เครื่องดื่มราคาแพงๆ แก้วละ 150 – 200 มันสวนทางกับกำลังซื้อของคนยุคใหม่เกินไปไหมหรือนี่จะเป็นเพียงแฟชั่นฉาบฉวย มาลองเพื่อให้รู้เท่านั้น สมูทตี้สุขภาพ ราคาระดับ luxury ยังไงก็ไปต่อไม่ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราต้องไม่ลืมคือ การที่ใครสักคนยอมจ่ายเงินแพงๆ เพื่อสินค้าสุขภาพ

สมูทตี้สุขภาพ

ภาพจาก www.facebook.com/boostjuicebarsthailand

สิ่งที่มองไม่ใช่แค่การซื้อมาดื่มดับกระหายหรือเพื่อสุขภาพ แต่มันเป็นความแปลกใหม่ที่ตัวเองได้เป็น “Trend Setter” หรืออาจจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเองด้วยว่า เราได้รู้จักอะไรใหม่ๆ ได้ลองอะไรใหม่ๆ ก่อนคนอื่น ตรงนี้เป็นคุณค่าที่คนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อมา

แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วคีย์เวิร์ดความสำเร็จก็ต้องย้อนไปที่ “คุณภาพสินค้า” ดังจะเห็นได้ว่าแบรนด์เหล่านี้มีการเน้นที่วัตถุดิบเป็นพิเศษ และแสดงออกชัดเจนในการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่าทุกแก้วสมูทตี้นั่นดีต่อสุขภาพของลูกค้าอย่างแท้จริง

คนที่ซื้อสินค้าในกลุ่มนี้เข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่ยารักษาโรคแต่เป็นเครื่องดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ ที่ลดภาวะเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ และน้ำผักผลไม้เหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง การแลกเงินเพื่อให้ได้สุขภาพดีจึงเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดูจะสมเหตุสมผล จึงทำให้ธุรกิจนี้ยังการันตีว่าเติบโตได้มาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับไอเดียการตลาด กลยุทธ์การบริหารจัดการ รวมถึงการรักษาคุณภาพสินค้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดด้วย

รู้หรือไม่!

เครื่องดื่มน้ำผักสดและผลไม้ สมูทตี้สุขภาพ ช่วยลดความดันและไขมันในเลือด อีกทั้งอาจช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด