จริงมั๊ย! ธุรกิจไหนลงทุนต่ำ ทำเงินน้อย มักเจ๊งเร็ว
มีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจลงทุนต่ำ หรือธุรกิจเล็กๆ มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลว ไปไม่รอด ปิดกิจการง่าย แต่ไม่เสมอไปที่ธุรกิจลงทุนต่ำมักจะเจ๊งเร็ว
ธุรกิจไหนลงทุนต่ำ มีข้อดีหลายอย่าง
1. มีความเสี่ยงต่ำ
ธุรกิจลงทุนต่ำมักมีความเสี่ยงทางการเงินและขาดทุนจากการเริ่มต้นทำธุรกิจน้อยกว่าธุรกิจลงทุนสูง เจ้าของธุรกิจสามารถทดลองตลาดหรือไอเดียธุรกิจใหม่ๆ ได้ง่ายโดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก
2. มีความยืดหยุ่นสูง
ธุรกิจลงทุนต่ำมักมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ง่าย เช่น การทำงานจากที่บ้าน หรือการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยให้สามารถปรับตัวได้ตามความต้องการของตลาด
3. มีความเร็วในการเริ่มต้น
ธุรกิจลงทุนต่ำสามารถเริ่มต้นได้เร็ว เปิดร้านได้เร็ว ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก ไม่ต้องรอการอนุมัติจากหุ้นส่วนเหมือนธุรกิจลงทุนสูงๆ ที่สำคัญไม่ต้องมีขั้นตอนซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบที่มีราคาแพง
4. ต้นทุนดำเนินการต่ำ
การลงทุนต่ำสามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้ เช่น ค่าเช่าสถานที่, ค่าจ้างพนักงาน, หรือค่าใช้จ่ายด้านการทำการตลาด ช่วยให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น
5. ทดลองตลาดและปรับปรุงสินค้าได้ง่าย
ธุรกิจลงทุนต่ำสามารถทดลองตลาดและปรับปรุงสินค้าและบริการตามความต้องการของลูกค้าได้ ไม่ต้องเสี่ยงในการสูญเสียเงินจำนวนมาก
6. ปิดกิจการได้ง่าย
เปิดธุรกิจแล้วหากไม่สำเร็จก็ปิดกิจการได้ง่าย ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนมากนัก
จะเห็นได้ว่า ธุรกิจลงทุนต่ำเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทดสอบตลาดหรือไอเดียใหม่ๆ โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงทางด้านการเงินต่ำ อีกทั้งยังมีโอกาสในการสร้างความสำเร็จในระยะยาวหากบริหารจัดการได้ดี
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไหนลงทุนต่ำ ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาเช่นกัน
1. ทรัพยากรมีจำกัด
การลงทุนต่ำอาจมีทรัพยากรที่จำกัดในการพัฒนาสินค้าและบริการ เช่น อุปกรณ์, เทคโนโลยี, หรือบุคลากร อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพมาตรฐานและประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ
2. แข่งขันลำบาก
ธุรกิจลงทุนต่ำอาจเผชิญกับคู่แข่งรายใหญ่ที่มีการลงทุนสูง มีเงินทุนในการทำตลาดที่ดีกว่า
3. ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น
ธุรกิจเล็กๆ อาจขาดความน่าเชื่อถือ ลูกค้ามีความเชื่อมั่นน้อย คุณภาพมาตรฐานต่ำ เนื่องจากขาดการลงทุนในการสร้างแบรนด์ ทำการตลาด พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ
4. ขยายกิจการได้ช้า
ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด เงินทุนน้อย ทำให้การขยายธุรกิจอาจเป็นเรื่องยาก จำเป็นต้องมีการวางแผนและกลยุทธ์ที่รอบคอบ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
5. คุณภาพมาตรฐานต่ำ
บางครั้งการลดต้นทุนอาจทำให้คุณภาพของสินค้าและบริการลดลงไปด้วย อาจส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า และความเชื่อมั่นในแบรนด์ธุรกิจได้
6. มีข้อจำกัดในการตลาดที่มีประสิทธิภาพ
เช่น การโฆษณา, การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือการหาตลาดใหม่ๆ
7. ปัญหาในด้านการเงิน
ธุรกิจที่เริ่มต้นด้วยการลงทุนต่ำอาจพบปัญหาในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนและการจัดการกระแสเงินสด ซึ่งอาจส่งผลให้ธุรกิจมีปัญหาในการดำเนินงานในระยะยาว
สรุปก็คือ การเริ่มต้นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนต่ำ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ธุรกิจจะเจ๊งหรือจะสำเร็จก็ได้ ถ้าจะเจ๊งปัจจัยหลักๆ อยู่ที่เจ้าของธุรกิจตั้งใจทำมั๊ย สินค้าและบริการถูกใจลูกค้ามั๊ย คู่แข่งขันในตลาดเยอะมั๊ย ซึ่งจริงๆ แล้วธุรกิจลงทุนต่ำถ้าอยากประสบความสำเร็จ สินค้าและบริการต้องดี บริหารจัดการต้องดี วางแผนที่รอบคอบ ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดี
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)