ก่อนออกจากงาน ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ถึงเป็นเถ้าแก่เปิดร้านได้

หลายคนที่กำลังทำงานประจำ หรือกลุ่มคนมนุษย์เงินเดือน ถ้ามีความคิดอยากลาออกจากงานเพื่อมาเปิดร้านหรือทำธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าตัวเองควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ถึงจะออกมาทำธุรกิจของตัวเองได้และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะวิเคราะห์และหาข้อมูลมานำเสนอให้ทราบครับ

มนุษย์เงินเดือนหลายคนคิดอยากจะเปิดร้านอาหารหรือร้านขายอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าจะใช้เงินลงทุนเปิดร้านเท่าไหร่ จะเลือกเปิดร้านแบบสร้างขึ้นมาเอง หรือซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งทั้งสองรูปแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่ก่อนอื่นต้องนึกถึงเรื่องเงินที่จะนำมาทุน และการวางแผนธุรกิจเสียก่อน

อยากเปิดร้านเอง

ก่อนออกจากงาน

ถ้าใครอยากเปิดร้านเอง สมมติว่าเป็นร้านอาหารเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ไม่มีค่าเช่า น่าจะใช้เงินลงทุนหลักหมื่นบาท ไม่เกินแสนบาท ถ้าเป็นพื้นที่เช่าต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องการก่อสร้าง การตกแต่งร้าน รวมถึงค่าเช่าพื้นที่มาเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับเงินลงทุนเปิดร้านอาหารมีหลักการคำนวณค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 100% โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  1. ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้านหรือตกแต่งอาคาร โต๊ะเก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน ฯลฯ
  2. เงินทุนสำหรับซื้ออุปกรณ์เครื่องมือ-เครื่องใช้ภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้แช่ต่างๆ หม้อ จาน ถ้วย ช้อน เตา แก้ว เครื่องครัว และอื่นๆ ซึ่งต้องดูว่าจะเปิดร้านอาหารประเภทอะไร อะไรไม่จำเป็นไม่ต้องซื้อ
  3. เงินทุนหมุนเวียนภายในร้าน เงินในส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อวัตถุดิบในการทำอาหาร เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และอื่นๆ

17

มาถึงตรงนี้ให้มนุษย์เงินเดือนที่อยากเปิดร้านอาหารของตัวเอง ก็ลองนึกภาพดูว่าร้านอาหารในฝันที่วาดไว้จะใช้เงินทุนมากน้อยขนาดไหน สมมติว่าคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วว่าต้องใช้เงิน 60,000 บาทสำหรับเปิดร้านอาหารเล็กๆ ดังนั้น ก่อนออกจากงานประจำ คุณก็ต้องมีเงินเก็บมากกว่า 60,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างรอการเปิดร้านด้วย

โดยเงินลงทุนในการเปิดร้านอาหาร 60,000 บาท จะแบ่งออกเป็นค่าออกแบบและตกแต่งร้านประมาณ 15,000 บาท, ค่าซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวและอาหารประมาณ 15,000 บาท และค่าใช้จ่ายในร้าน ค่าวัตถุดิบ ประมาณ 30,000 บาท

นั่นคือกรณีเปิดร้านอาหารแบบไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ถ้าเป็นร้านอาหารแบบนั่งทานในร้านรูปแบบ Restaurant อาจจะต้องใช้เงินลงทุนหลักแสนขึ้นไปจนถึงหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว ซึ่งคนที่มีเงินเดือนสูงก็อาจจะใช้เวลาเก็บเงินเปิดร้านอาหารน้อยกว่าคนเงินเดือนต่ำๆ

อยากซื้อแฟรนไชส์

20

หากคุณเลือกเปิดร้านหรือทำธุรกิจด้วยการซื้อแฟรนไชส์ จะทำให้คุณรู้ว่าจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะเปิดร้านได้ เพราะธุรกิจแฟรนไชส์แต่ละแบรนด์จะมีการคำนวณเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ออกมาให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์, ค่าออกแบบและตกแต่งร้าน, ค่าอุปกรณ์, ค่าวัตถุดิบ, เงินทุนหมุนเวียน และอื่นๆ

สำหรับเงินลงทุนซื้อธุรกิจแฟรนไชส์จะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ไอศกรีม เบเกอรี่ บริการ การศึกษา ค้าปลีก งานพิมพ์ อสังหาฯ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านด้วยการซื้อแฟรนไชส์ คุณจะต้อง Check list ก่อนว่า วิธีการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด ต้องทำอย่างไรกันบ้าง

19

1.ถามใจตัวเองก่อนว่าชอบอะไร

คุณต้องคุยกับตัวเองกันก่อนว่า อยากเริ่มต้นทำธุรกิจจริงๆ หรือเปล่า และคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ด้วยว่า คุณต้องการทำงานเวลาไหน คุณมีความสามารถพิเศษด้านใด หรือ ทำอะไรแล้วมีความสุข (ชอบทำอาหาร ชอบทาน ชอบอยู่กับสัตว์เลี้ยง) ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอให้ผ่านช่วงเริ่มต้นไปให้ได้ ควรเผื่อเอาไว้หลายเดือนหน่อย ห้ามโลกสวยเด็ดขาด

2.สำรวจเงินในกระเป๋าว่ามีเท่าไหร่

สำรวจจิตใจกันไปแล้ว คราวนี้คงต้องกลับมาสำรวจกระปุกออมสิน หรือสมุดบัญชีกันต่อเลยว่า ตอนนี้มีเงินทุนเท่าไหร่ หากยังมีไปพอก็อย่าพึ่งถอดใจ คุณมาคิดกันต่อว่าขาดอีกเท่าไหร่ ต้องเก็บกี่เดือน ตั้งเป้าแล้วพุ่งชนเข้าไปเลย หรือจะเลือกหาข้อมูลกู้ยืมจากธนาคารที่สนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่หลายๆ ธนาคาร เพื่อใช้เริ่มธุรกิจก็สามารถทำได้

21

3.ประเมินธุรกิจแฟรนไชส์ที่สนใจ

โดยการเริ่มต้นมองในภาพรวมของประเภทธุรกิจนั้นก่อน ว่าตลาดของธุรกิจนั้นมีลูกค้ามากหรือน้อย ใครเป็นคนซื้อ และใครเป็นคนใช้จริง ธุรกิจมาตามกระแสหรือไม่ เช่น คุณอาจจะชอบสอนเด็กๆ วาดรูปอยากเปิดโรงเรียนสอนพิเศษ แต่ต้องคำนึงถึงคนที่ตัดสินใจ และจ่ายเงินคือผู้ปกครอง และกลุ่มผู้ปกครองที่สนับสนุนให้ลูกเรียนวาดรูปมีจำนวนเท่าไหร่

4.มองหาส่วนที่เป็นจุดอ่อนของธุรกิจนั้น

มาถึงตรงนี้คาดว่าตัวเลือกก็น่าจะเหลือน้อยลง แล้วมาลองถามตัวเองอีกทีว่า ลึกๆ ในใจคุณเชื่อหรือไม่ว่าธุรกิจที่เลือกจะสามารถเจริญเติบโตไปในทุกสภาพเศรษฐกิจได้ไหม ในบางอุตสาหกรรมนั้นสามารถที่จะเติบโตไปได้ในทุกๆ สภาพเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจอาหาร ธุรกิจร้านตัดผม หรือ ธุรกิจสำหรับผู้สูงอายุ

660x480

5.ค้นหารายชื่อและข้อมูลธุรกิจแฟรนไชส์

เมื่อคุณรู้ประเภทของธุรกิจที่ต้องการ และมีโอกาสเติบโตแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการค้นคว้าหาข้อมูลแฟรนไชส์ เพราะในยุคข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหารายชื่อ ข้อมูลแฟรนไชส์ในธุรกิจที่สนใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะจากเว็บไซต์แฟรนไชส์ที่น่าเชื่อถืออย่าง www.ThaiFranchiseCenter.com มีธุรกิจแฟรนไชส์ให้เลือกหลากหลาย

#ค้นหาแฟรนไชส์ตามเงินลงทุน https://bit.ly/3Fgdr8m

 

ขอบคุณข้อมูล 

https://bit.ly/3qiDXrF , https://bit.ly/3HYcJMY , https://bit.ly/3fwrxGJ , https://bit.ly/31Q71gN , https://bit.ly/3r8X86G , https://bit.ly/33bsKAy

อ้างอิงจาก https://bit.ly/39xucjn

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช